มิติหุ้น-บมจ.ยูเอซี โกลบอล (UAC) โชว์ศักยภาพความแข็งแกร่ง และการเติบโตทางธุรกิจ ปี 2561 มีรายได้จากการขายและบริการ 2,552.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 926.03 ล้านบาท หรือคิดเป็น 56.92% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และกำไรสุทธิ 139.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.19 ล้านบาท หรือคิดเป็น 39.03% จากการเติบโตต่อเนื่องของทุกธุรกิจ พร้อมควักกระเป๋าเงินจ่ายปันผลเพิ่มอีก จำนวน 40.06 ล้านบาท หรือ 0.06 บาทต่อหุ้น เตรียม XD วันที่ 13 มีนาคม
นายชัชพล ประสพโชค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานประจำปี 2561 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2561 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 2,552.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 926.03 ล้านบาท หรือคิดเป็น 56.92% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิที่ 139.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.19 ล้านบาท หรือคิดเป็น 39.03% เมื่อเทียบจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 100.39 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลกำไรที่สูงที่สุดในรอบ 23 ปี
ส่วน EBITDA งวดปี 2561 อยู่ที่ 361.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64.86 ล้านบาท หรือคิดเป็น 21.86% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการรับรู้รายได้ จากการลงทุนในธุรกิจของบริษัทฯอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทฯมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 21.96 ล้านบาท เนื่องจากไตรมาส 4 บริษัทมีค่าใช้จ่ายที่ไม่เกิดเป็นประจำ ซึ่งไม่ได้เป็นค่าใช้จ่ายโดยตรงจากการดำเนินงานหลักของบริษัท ได้แก่ ประมาณการด้อยค่าสินทรัพย์ในบริษัทย่อย 12.32 ล้านบาท และต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น 17.24 ล้านบาท
กรรมการผู้จัดการ บมจ.ยูเอซี โกลบอล (UAC) กล่าวเพิ่มว่า หลังจากที่มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2561 ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯได้มีมติอนุมัติจ่ายปันผลเงินสด งวดปี 2561 เพิ่มอีกหุ้นละ 0.06 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 106.82 ล้านบาทหรือคิดเป็น 89.19% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการ โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 13 มีนาคม 2562 และวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล วันที่ 14 มีนาคม 2562 เพื่อจ่ายปันผลในวันที่ 26 เมษายน 2562
สำหรับแนวโน้มธุรกิจในปีนี้ บริษัทฯประมาณการตั้งเป้ารายได้การเติบโตประมาณ 2,700 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบจากปีก่อน ขณะที่ EBITDA คาดว่าไม่ต่ำกว่า 350 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตของทุกธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจด้านเคมีภัณฑ์ ที่มีการนำเข้าและจำหน่ายสารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมน้ำมัน โรงกลั่น และปิโตรเคมี ซึ่งยังมีทิศทางที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน บริษัทฯวางกลยุทธ์ในการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเข้ามาจำหน่าย พร้อมกับยังคงรักษาฐานลูกค้าเดิม และ ขยายฐานลูกค้าใหม่ๆเข้ามาเพิ่มขึ้น
ส่วนบริษัทย่อย ภายใต้ บริษัท ยูเอซี แอ็ดวานซ์โพลิเมอร์ แอนด์ เคมิคัลส์ จำกัด หรือ UAPC ซี่งดำเนิน ธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ โดยมีผลิตภัณฑ์หลัก คือ เคมีภัณฑ์ประเภทลาเท็กซ์อีมัลชั่นและโพลิเมอร์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆนั้น ขณะนี้ได้มีการวางกลยุทธ์ทำการตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม) อย่างต่อเนื่อง และคาดว่า ได้รับผลเชิงบวกจากการกลับมาผลิตปิโตรเลียมที่แหล่งบูรพาเอ ของ บริษัท สยามโมเอโกะ จำกัด เต็มปีในปีนี้ หลังจากที่กลับมาผลิตเมื่อกลางเดือนกันยายน 2561 ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีก๊าซธรรมชาติที่เผาทิ้งในการผลิตน้ำมันดิบ (Associated Gas) ให้กับโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม (PPP) ของบริษัทเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม จากปัจจัยเศรษฐกิจทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง เช่น ปัจจัยสงครามการค้าระหว่างประเทศสหรัฐ กับจีน ปัจจัยสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ รวมถึงแนวโน้มดอกเบี้ย ทำให้บริษัทฯได้พิจารณาชะลอการลงทุน เพื่อปรับลดอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ลง ให้อยู่ในระดับ 1:5 เท่า ภายในปี 2563 จากปัจจุบันทีมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ที่ระดับ 2.15 เท่า
www.mitihoon.com