5 อันดับข่าวเด่นมิติหุ้นภาคเช้า
อันดับที่ 1 BCP เผยยอดขายน้ำมันไตรมาสแรกพุ่ง 5% ตั้งเป้าปีนี้โต 7-8% อัดงบลงทุน 1.5 พันลบ. ขยายธุรกิจ ลุยขายแฟรนไชส์ปั๊มเจาะเมียนมา-ลาว ชัดเจนปีนี้
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น หรือ BCP ผู้ประกอบการโรงกลั่นและค่าปลีกน้ำมัน โดยนายสมชัย เตชะวณิช ประธานเจ้าหน้าที่การตลาดและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจการตลาด เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายน้ำมันผ่านสถานีบริการน้ำมัน (ปั๊ม) ปี 62 เติบโต 7-8% จากปีก่อน ที่มียอดขายเฉลี่ยอยู่ที่ 333 ล้านลิตรต่อเดือน ขณะที่ไตรมาส 1/62 มีแนวโน้มยอดขายจะเติบโตราว 5% หลังจากช่วงเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา สามารถทำยอดขายเติบโตได้ราว 4% หรือ เฉลี่ยอยู่ที่ 344 ล้านลิตร สูงกว่ายอดขายน้ำมันผ่านสถานีบริการรวมของประเทศที่เติบโตราว 3% เนื่องจากช่วงไตรมาสแรกมีปัจจัยหนุนจากการขยายปั๊มเพิ่ม 10-12 แห่ง และการจัดแคมเปญกระตุ้นการขายที่หลากหลาย
อันดับที่ 2 อานิสงส์เลือกตั้ง ดัน STEC-STPI หุ้นในคาถาหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย วิ่งแรงสวนตลาด
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานภาวะการซื้อขายของตลาดหุ้นไทยภาคเช้า ดัชนี SET ปรับตัวลงต่ำสุด 1,629 จุด ลดลง 16.43 จุด ขณะที่ราคาหุ้น บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น หรือ STEC ดำเนินธุรกิจก่อสร้างงานทุกประเภททั้งงานโยธาและ งานเครื่องกล และ บมจ.เอสทีพี แอนด์ ไอ ประกอบธุรกิจรับติดตั้งโครงสร้างเหล็กโรงกลั่น ที่มีกลุ่มนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และเป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ถือเป็นตัวแปรสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ โดยราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นสวนทางกับตลาดสำหรับราคาหุ้น STEC เปิดตลาดปรับตัวขึ้นมาอยู่ในระดับ 23.70 บาท หรือเพิ่มขึ้น 3.04% ล่าสุด (10.55 น.) ราคาอยู่ที่ 23.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือเพิ่มขึ้น 2.17% ด้วยมูลค่าการซื้อขายกว่า 991.67 ล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้น STPI เปิดตลาดปรับตัวขึ้นมาที่ระดับ 6.10 บาท หรือเพิ่มขึ้น 3.39% ล่าสุด (10.55 น.) ราคาอยู่ที่ 5.95 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท หรือเพิ่มขึ้น 0.85% ด้วยมูลค่าทการซื้อขายกว่า 91.89 ล้านบาท
อันดับที่3 PJW มั่นใจปีนี้พลิกมีกำไร ปักหมุดยอดขายโต 8-10% หลังอุตสาหกรรมยานยนต์ฟื้น
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ปัญจวัฒนาพลาสติก หรือ PJW โดยนายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ ประธานกรรมการบริหาร มั่นใจแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้จะพลิกกลับมามีกำไร จากปีก่อนขาดทุนอยู่ที่ 11.75 ล้านบาท เป็นผลมาจากการบริหารจัดการต้นทุนที่ปรับตัวลดลง โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโต 8-10% ตามทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ปรับตัวดีขึ้น และคาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้จากยานยนต์อยู่ที่ 25-30% จากปีก่อนอยู่ที่ 20-25% รวมถึงบริษัทจะมีการรับรู้รายได้จากโรงงานเจียงจู ในประเทศจีน ตั้งแต่ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้เป็นต้นไป โดยบริษัทคาดว่ารายได้จากจีนจะอยู่ที่สัดส่วน 7-8% หรือประมาณ 100 ล้านบาท และคาดว่าในปี 63 สัดส่วนรายได้จากจีนจะปรับขึ้นมาเป็น 15% หรือประมาณ 400-500 ล้านบาท
อันดับที่4 โบรกฯ คาด SET วันนี้ผันผวน แนะ “ขายทำกำไร” หากดัชนีแตะ 1,670 จุด
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บล.อาร์เอชบี ประเมิน แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่าน่าจะผันผวนจากแรงขายทำกำไร หากดัชนีปรับตัวขึ้นไปที่แนวต้านแถว ๆ 1,670 จุดขึ้นไป ทั้งนี้ มองปัจจัยในประเทศจะผลักดันดัชนีได้ในระยะสั้น แต่ระยะกลางยังต้องระวังการปรับตัวลงแรงของตลาดหุ้นโลก จนกว่าเฟดจะส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยลง เพื่อลดความกดดัน และประคับประคองเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดังนั้น แนะนำ “ขายทำกำไร” เมื่อดัชนีปรับตัวขึ้นไปแถว ๆ 1,670-1,680 จุด ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป ประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้ มองกรอบระหว่าง 1630-1650 จุด ซึ่งมีแนวโน้มปรับตัวลงตาม Sentiment ลบของภูมิภาค และการปรับตัวลงของดัชนีดาวโจนส์ เมื่อคืนวันศุกร์ราว 460 จุด โดยได้รับความกังวลจากประเด็น Inversed Yield Curve ของสหรัฐ ซึ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2550 ได้กระตุ้นความวิตกต่อภาพเศรษฐกิจถดถอย
อันดับที่ 5 นักวิชาการชี้เลือกตั้งไม่ปกติคะแนนเสียงไม่ขาดส่อแววเป็นโมฆะ เลือกตั้งใหม่
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า โดย อ.พิเชียร อำนาจวรประเสริฐ นักวิชาการ อิสระ กล่าวถึงการนับคะแนนเลือกตั้งว่า การนับคะแนนการเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อคืนที่ 24 มี.ค.62 หลังจากปิดหีบเลือกตั้งนั้นไม่ปกติเนื่องจากนับคะแนนไปเพียง 94% แล้วหยุดนับคะแนน ขณะที่บางเขตเลือกตั้งก็มีบัตรเลือกตั้งมากกว่าจำนวนผู้ไปใช้สิทธิ์ ซึ่งคาดว่าจะมีการฟ้องร้องกันมากอาจจะส่งผลทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะ แล้วมีการเลือกตั้งใหม่ การเมืองเกิดสูญญากาศจะส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจและการลงทุน อย่างไรก็ตามก็ต้องจับตาแถลงการเลือกตั้งของ กกต. วันนี้ในช่วง 14.00 น. หลังจากเลื่อนมาจากช่วง 10.00 น. ว่าจะมีความชัดเจนการเลือกตั้งอย่างไร ขณะที่ผลคะแนนออกมาล่าสุดคะแนนเสียงชนะกันไม่ขาดการรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลอาจได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งไม่มากส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล แต่หากการเลือกตั้งผ่านพ้นไปด้วยดีไม่มีปัญหามากจัดตั้งรัฐบาลได้ตามกำหนดในวันที่ 9 พ.ค. 62 ก็จะเป็นผลดีต่อภาวะตลาดหุ้นไทย
www.mitihoon.com