นโยบายการเงินของสหรัฐฯและประเทศอื่นๆ เริ่มผ่อนคลายมากขึ้น เพื่อเป็นการ “ลดโอกาส” หรือ “ลดความเสี่ยง” ที่เศรษฐกิจโลกอาจจะชะลอตัว และเข้าสู่ภาวะถดถอยในอนาคตได้ ทำให้ภาพรวมตลาดทุนทั่วโลกเริ่มผ่อนคลายลงบ้าง และสำหรับประเทศไทยเองประเด็นสำคัญคงอยู่ที่การเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค.นี้ ว่าจะเป็นตัวปลดล๊อกให้กับเม็ดเงิน Fund flow ได้หรือไม่ เราประเมินกรณีที่การเลือกตั้งและการจัดตั้งรัฐบาลใหม่สงบเรียบร้อยดัชนี SET index น่าจะเริ่ม Sideway Up ได้ โดยจะมีแนวต้านแรกที่ 1660 จุด อีกครั้ง
แต่ในกรณีเลวร้าย SET index อาจปรับฐานอีกรอบ หลังจากที่ฟื้นตัวมาได้ต่อเนื่องในสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยมีแนวรับที่ 1620 จุด แต่สำหรับการลงทุนระยะกลาง – ยาว (6 เดือน – 1 ปีขึ้นไป) อาจจะต้องให้ความใส่ใจเรื่องของการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกเพิ่มขึ้น หลังจากที่เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐฯ ยังบ่งชี้โอกาสที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในอีก 12 เดือนข้างหน้า เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
หุ้นเด่นที่น่าสนใจ หลังการเลือกตั้ง กรณีที่สถานการณ์ต่างๆเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ได้แก่ หุ้นที่ปรับฐานลงมาแรงก่อนหน้า หรือ หุ้นที่ยัง Laggard อยู่ อาทิ ค้าปลีก ROBINS, JMART, RS / ธนาคารพาณิชย์ KBANK, KTB, SCB, BBL / พลังงาน PTTEP, TOP, SGP / อสังหาฯ LPN, AP / สื่อ PLANB / หุ้น Small cap เช่น CAZ, SMM เป็นต้น
อยากจะขอแตะเรื่องประเด็น เอลนีโญ ที่น่าจะเกิดขึ้นในปีนี้ 70 – 80% และทำให้เกิดภัยแล้งตามมา เราประเมินจะเป็นโอกาสของประเทศไทย สำหรับสินค้าเกษตร และการบริโภคในประเทศที่จะขยายตัว (จากการศึกษาโดย IMF: Cashin P et al., 2015, Fair Weather or Foul? The Macroeconomic Effects of El Niño, IMF Working paper พบว่าหลังเกิดปรากฏการณ์ เอลนีโญ GDP ไทยจะขยายตัว 4 ไตรมาสติดต่อกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ)
สำหรับหุ้นที่น่าจะรับกระแส เอลนีโญ่ อาจเลือกไว้พิจารณา (เพราะหุ้นธีมนี้คงต้องใช้เวลา คาดว่าไม่ได้มาทันทีที่เกิดปรากฏการณ์ เอลนีโญ เนื่องจากต้องรอให้เกิดผลกระทบจริงก่อน) ได้แก่ 1) สินค้าเกษตร KSL, KBS, UVAN, UPOIC, TVO, OCEAN เป็นต้น 2) ปศุสัตว์ CPF, GFPT, TFG เป็นต้น และ 3) ค้าปลีก อาหารและเครื่องดื่ม เช่น CPALL, CBG, SAPPE เป็นต้น
โดยสุโชติ ถิรวรรณรัตน์
www.mitihoon.com