ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี หรือ STA โดย บล.เคทีบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานประจำงวดครึ่งปีแรกจะเป็นช่วงที่ต่ำสุดเนื่องด้วยมีปัจจัยกดดันจาก ต้นทุนวัตถุดิบน้ำยางที่สูงขึ้น 23% จาก ต.ค. 2561 แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวได้อย่างโดดเด่น เนื่องจากการคุมต้นทุนได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมด้วยราคาน้ำยาง ที่จะกลับเข้าสู่ระดับที่เหมาะสม ส่วนราคาหุ้นมองว่าได้สะท้อนปัจจัยลบแล้ว ดังนั้นจึง แนะนำ ซื้อตอนแย่ ขายตอนดี ราคาเป้าหมาย 14.50 บาท
โดยล่าสุดนายวีรสิทธิ์ สินเจริญกุล กรรมการ เผยว่า เมื่อวันที่ 1 เม.ย.62 STA ประกาศแจ้งการควบบริษัทระหว่าง STA และ บมจ. ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) หรือ STGT และ บมจ.ไทยกอง หรือ TK ที่ได้ดำเนินการเสร็จสิ้น
ซึ่งบริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบรวม คือ บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) ทำให้ ณ ปัจจุบัน บริษัทมีโรงงานผลิตถุงมือยางธรรมชาติ และถุงมือยางสังเคราะห์ทั้งสำหรับการบริโภคในทางการแพทย์และในเชิงไลฟ์สไตล์ จำนวน 5 โรงงาน ใน 3 จังหวัดทางภาคใต้ของไทย ได้แก่ จ.สงขลา จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.ตรัง โดยมีกำลังการผลิตถุงมือยางทั้งสิ้นราว 21,200 ล้านชิ้นต่อปี นับเป็นกำลังการผลิตที่สูงที่สุดในประเทศไทย และถือเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
โดยบริษัทตั้งเป้าหมายที่จะมุ่งสู่การเป็นผู้ผลิตถุงมือยางที่ใช้ในทางการแพทย์และอุตสาหกรรมติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลกในอนาคตอันใกล้
ทั้งนี้ ถือเป็นก้าวย่างสำคัญในการเพิ่มกำลังการผลิตที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการถุงมือยางของโลกได้มากขึ้น จากเดิมที่มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 17,200 ล้านชิ้นต่อปี เพิ่มขึ้นเป็น 21,200 ล้านชิ้นต่อปี และสิ้นปี 62 นี้ คาดว่าจะสามารถผลิตได้ถึง 23,000 ล้านชิ้นต่อปี โดยปัจจุบันสามารถขยายฐานลูกค้าถุงมือยางได้มากกว่า 120 ประเทศทั่วโลก