มิติหุ้น – JWD คงเป้ารายได้ปี 62 โต 20% ปรับทัพใหม่ 4 กลุ่มธุรกิจ รับมือแข่งขันโลจิสติกส์ทุกมิติ จ่อเข้าลงทุนในฟิลิปปินส์ปีนี้
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ หรือ JWD ดำเนินธุรกิจให้บริการทางด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนแบบครบวงจรภายในภูมิภาคอาเซียน โดยนายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า บริษัทคงเป้ารายได้ปี 62 โต 20% จากปีก่อนที่ทำได้ 3,319 ล้านบาท และคาดผลกำไรเติบโตตามทิศทางของรายได้
เป็นผลจากธุรกิจให้บริการด้านโลจิสติกส์ทั้งในและต่างประเทศที่สนับสนุนการเติบโตของรายได้ รวมถึงจะเริ่มรับรู้รายได้แบบเต็มปีจากธุรกิจฟู้ดซัพพลายเชนที่ไต้หวัน และจะรับรู้รายได้จากการขยายการลงทุน ร่วมกับ CJ Logistics ที่เปิดให้บริการคลังสินค้าในเดือน พ.ค. 62 นี้ รวมถึงจะให้บริการธุรกิจห้องเย็นด้วยระบบโรโบติกส์ ในช่วงกลางปี และรับรู้ผลการลงทุน ในบริษัท TRANSIMEX CORPORATION ที่เวียดนาม ถือหุ้น 23.66% ซึ่งดำเนินธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์อย่างครบวงจร ส่วนการเข้าลงทุนบริษัท Phnom Penh SEZ Plc (PPSEZ) ในประเทศกัมพูชา สัดส่วน 14% จะเริ่มมีผลกำไรเข้ามาในปีนี้
ล่าสุด บริษัทได้ปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อรับมือการแข่งขันของธุรกิจโลจิสติกส์ โดยแบ่งโครงสร้างออกเป็น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.ธุรกิจโลจิสติกส์ ที่จะเพิ่มบริการที่หลากหลายครอบคลุมบริการครบวงจรรองรับลูกค้าทั้งแบบ B2B และ B2C 2.ธุรกิจอาหาร ให้บริการฟู้ดซัพพลายเชนโซลูชั่นส์ ตั้งแต่กระบวนการจัดซื้อจัดหาวัตถุดิบ สำหรับลูกค้า กระบวนการแปรรูปและจัดเตรียมวัตถุดิบพร้อมปรุง 3.ธุรกิจไอที ใช้เทคโนโลยีเป็นแกนหลักในการพัฒนาและดำเนินธุรกิจ มุ่งพัฒนาด้านการเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลสถิติที่สำคัญ เพื่อใช้ข้อมูลเป็นศูนย์กลางช่วยให้สามารถตัดสินใจในการทำงานได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และแม่นยำ และ 4. ธุรกิจอินเวสต์เม้นต์ เน้นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์หรือกองทุนที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจโลจิสติกส์ รวมทั้งการลงทุนใหม่ ๆ ในธุรกิจที่มีศักยภาพเติบโตในอนาคต
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทขยายบริการโลจิสติกส์เข้าสู่ตลาดหลักและตลาดใหม่ของอาเซียนครบ 9 ประเทศตามเป้า ได้แก่ ไทย, เมียนมา, ลาว, กัมพูชา, เวียดนาม, สิงคโปร์, มาเลเซีย, ไต้หวันและอินโดนีเซีย ส่วนฟิลิปินส์มีแผนเข้าลงทุนภายในปีนี้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรท้องถิ่น คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงครึ่งหลังปี 62 หลังจากนั้นจะมีแผนซื้อกิจการร่วมกันในอนาคต
ส่วนทิศทางต่อไปคือการขยายบริการฟู้ดซัพพลายเชนเจาะเข้าไปในตลาดต่างประเทศในอาเซียน รวมถึงขยายโอกาสไปในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะจีนและไต้หวัน ซึ่งเหตุผลที่เลือกธุรกิจอาหารเป็นแฟลกชิปบุกตลาดต่างประเทศ โดยมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่าง Chi Shan Long Feng Food Co., Ltd. หรือ CSLF , เป็นการต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็น และ เป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องตามเทรนด์โลก
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนขยายธุรกิจให้บริการจัดเก็บอุปกรณ์สินค้าส่วนตัว (Self-Storage) โดยปัจจุบันให้บริการ 2 สาขา และคาดสิ้นปี 62 จะอยู่ที่ 5 สาขา โดยบริษัทมีแผนจะใช้เงินลงทุนราว 200-400 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาให้บริการครบ 20 สาขา ในปี 65 และมีแผนขยายธุรกิจดังกลาวไปยังประเทศอินโดนีเซีย และเวียดนาม ขณะเดียวกัน จะเริ่มให้บริการ Art Space หรือบริการจัดเก็บและทำระบบขนส่งโลจิสติกส์รูปภาพที่เป็นศิลปะ ซึ่งจะเริ่มให้บริการในเดือน ก.ค.62 ซึ่งจะมีพื้นที่ให้บริการ 1,300 ตร.ม.
www.mitihoon.com