COM7งบแจ่ม-ผุดสาขาดันยอด รุกสินค้ามาร์จิ้นสูง-เป้าใหม่22บ. (30/04/62)

105

มิติหุ้น – COM7 ย้ำชัด ผลงานไตรมาส 1/62 ยอดขายแกร่ง แถมบุ๊กรายได้ kingKong Phone เต็มปี มั่นใจดันเป้ารายได้ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 10% ทุ่มงบ 300 ล้านบาท เปิดสาขาเพิ่มเป็น 847 แห่ง พร้อมรุกขายสินค้ามาร์จิ้นสูงช่วงครึ่งปีหลัง โบรกฯ อัพเป้าใหม่ 22 บาท 

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.คอมเซเว่น หรือ COM7 ประกอบธุรกิจจำหน่ายสินค้าไอทีและอุปกรณ์เสริมที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้บริการศูนย์ซ่อมสินค้าแบรนด์ Apple โดยนายสุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เผยว่า แนวโน้มยอดขายไตรมาส 1/62 ยังเติบโตดีเมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ตามกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ขณะเดียวกัน ปีนี้บริษัทยังสามารถบันทึกรายได้จาก Kingkong Shop เข้ามาเต็มปี อีกทั้งยอดขายไอโฟนยังเติบโตดีต่อเนื่อง ทำให้มั่นใจว่ารายได้ทั้งปี 62 จะเติบโต 10% จากปีก่อน

เพิ่มช่องทางจำหน่าย – รุกสินค้ามาร์จิ้นสูง

โดยในปีนี้บริษัทวางกลยุทธ์เพิ่มช่องทางการจำหน่ายทั้งช่องทางออนไลน์ และช่องทางในต่างจังหวัดที่มีศักยภาพมากขึ้น โดยตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) ไม่ต่ำกว่า 10% ส่วนของลูกค้าองค์กร (B2B) วางเป้าเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ส่วนแผนดำเนินธุรกิจช่วงครึ่งหลังปี 62 บริษัทเตรียมรุกขายสินค้าประเภทอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ที่สามารถเชื่อมโยงหรือส่งข้อมูลถึงกันได้ด้วยอินเทอร์เน็ต หรือ Internet of Things (IoT) ซึ่งมีมาร์จิ้นสูง 15–30% เทียบการขายอุปกรณ์มือถือที่มีมาร์จิ้นเพียง 10–20% คาดจะช่วยสนับสนุนรายได้ปี 62 เติบโตเพิ่มขึ้น

อัด 300 ล.ขยายสาขา – อัพเป้าใหม่ 22 บ.

ส่วนงบลงทุนปีนี้วางไว้ราว 300 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาเพิ่มเติม ปีนี้ตั้งเป้าจะมีสาขาจำนวน 847 สาขา โดยจะขยายสาขาของแฟรนไชส์เป็น 130 สาขา, สาขา Kingkong Shop อีก 30 สาขา ที่เหลือจะเป็นภายใต้แบรนด์ BaNANA ปัจจุบันบริษัทมีสาขารวมทั้งสิ้น 646 สาขา และมองหาโอกาสเข้าซื้อกิจการอย่างต่อเนื่อง

ด้านนักวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย ประเมินธุรกิจ COM7 คาดกำไรไตรมาส 1/62  เติบโตแกร่งเมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน จากการประโยชน์หลักจากรอบการเปลี่ยนมือถือที่กำลังจะมาถึงในปี 62-63 นี้ เนื่องจากจำนวนสาขาที่กระจายครอบคลุมของ COM7, ภาพลักษณ์แบรนด์ที่แข็งแกร่ง, และความหลากหลายของแบรนด์สินค้าในร้าน และคาดการณ์กำไรเติบโตแข็งแกร่งราว 13% ต่อปี ในปี 62-64 ดังนั้น แนะนำ “ซื้อ” และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 22 บาทจากเดิม 19 บาท