เกิดอะไรขึ้นกับตลาดหุ้นโลก?
ตลาดหุ้นโลกมีการปรับตัวขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี โดยดัชนี S&P500 กำลังสร้าง double-top ทำสถิติจุดสูงสุดใหม่ของปี ซึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการฟื้นตัวของตลาดหุ้นเกิดจากการถูกเทขายหนักเกินเหตุเมื่อปลายปี 2018 โดยดัชนี SET ให้ผลตอบแทนสูงถึงกว่า 7% YTD ในขณะที่มีการปรับลด forward EPS สำหรับผลประกอบการในอีก 12 เดือนข้างหน้าลง 3.1% เหลือ112 บาท จากก่อนหน้านี้ที่ 115 บาท เพราะฉะนั้นการที่ตลาดหุ้นโลกวิ่งขึ้นมารอบนี้เป็นเพราะมีการ rerate PER มากกว่าที่จะเป็นเพราะแนวโน้มกำไรดีขึ้น
จะเป็นอย่างไรต่อไป?
1)จากสถิติในอดีตชี้ว่ามีโอกาสมากขึ้นที่ตลาดโลกจะพักฐานในระยะสั้น ซึ่งในหลายกรณี เมื่อไหร่ก็ตามที่ การเคลื่อนไหวของ PER z-score ระยะ 4 เดือนตึงตัว อัตราผลตอบแทนของหุ้นในช่วง 1 เดือนหลังจากนั้นมักจะปรับตัวลงในเวลาถัดมา
2)PER ของ SET อาจจะไม่ตึงเหมือนตลาดหุ้นอื่นๆ (SET 91 percentile ในขณะที่ตลาดอื่นๆ อยู่ที่ 97-100 percentile) แต่ที่ระดับปัจจุบันสหสัมพันธ์อยู่ในระดับสูงมาก ดังนั้น ถ้าหากว่าตลาดหุ้นโลกพักฐาน SET ก็น่าจะพักฐานตาม แต่ระดับความรุนแรงอาจจะน้อยกว่า
3)คำกล่าวว่า ‘ขายหุ้นเดือนพฤษภาคม’ ซึ่งนักลงทุนมักจะเทขายหุ้นในตลาดออกมาในเดือนพฤษภาคม มีนัยยะส่อถึงตลาดหุ้นเอเซียมากกว่า ซึ่งเกิดขึ้น 7 ใน 10 ปี ในขณะที่ตลาดของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว เกิดขึ้น 4 ใน 10 ปี ซึ่งจากสถิติแสดงว่ากรณีนี้ส่งผลกระทบกับอัตราผลตอบแทนของ SET ในเดือนพฤษภาคม จากการศึกษาเชิงประจักษ์ พบว่าอัตราผลตอบแทนที่เป็นบวกในช่วงเดือนมกราคม-เมษายนมักจะเกินกว่าอัตราผลตอบแทนที่เป็นลบในเดือนพฤษภาคม สำหรับในปีนี้ ดัชนี SET วิ่งขึ้นมาแล้ว 7% YTD ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมอย่างดีก่อนจะเข้าสู่ช่วงขาลงในเดือนพฤษภาคม
คำแนะนำ: ลดการถือครองหุ้นลง
เรายังคงมีมุมมองที่เป็นบวกกับ SET ในระยะกลางถึงระยะยาว แต่อย่างไรก็ตาม เราแนะนำให้นักลงทุนลดสถานะถือครองสินทรัพย์เสี่ยง (หุ้น) ในระยะสั้น ซึ่งนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เราเริ่มมองแนวโน้มเป็นบวกในบทวิเคราะห์กลยุทธ์ 1Q19 เราคิดว่าตลาดที่วิ่งขึ้นมาแรงรอบนี้เปราะบาง และอาจจะเกิดการพักฐานในระยะสั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่ภาวะตลาดเริ่มดิ่งลง
เราคิดว่าหุ้นที่อ่อนไหวต่อการพักฐานที่จะเกิดขึ้นได้แก่หุ้นที่ outperform SET ในช่วงที่ผ่านมา (SET100: PRM, RATCH, GGC, EGCO, CBG, BTS, MEGA, INTUCH, MAJOR, AP, DTAC, BGRIM, PTTEP, RS และ SPALI) และหุ้นที่ upside เหลือน้อย หรือติดลบเมื่อเทียบกับราคาเป้าหมาย BB consensus ซึ่งได้แก่ GULF, CBG, DELTA, CKP, DTAC, KTC, SGP, BTS, SIRI และ TISCO
โดยบริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี จำกัด (มหาชน)
www.mitihoon.com