ทุกสิ่งที่มีมูลค่าในขณะนี้กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น หุ้น ที่ดิน ทรัพย์สิน สามารถกลายมาเป็นรูปแบบดิจิทัลที่ทุกคนสามารถครอบครองและเข้าถึงสินทรัพย์เหล่านี้ได้โดยง่ายและปลอดภัย
หลายๆท่านคงคุ้นเคยเกี่ยวกับคริปโตในนาม Bitcoin ที่ได้รับความนิยมจนกำเนิดเป็นสกุลเงินใหม่ที่เรียกว่า Cryptocurrency ตั้งแต่ปี 2017 หลังจากการเป็นข่าวเกี่ยวกับราคาเหรียญ Bitcoin ที่พุ่งไปแตะเหรียญละ $2000 หรือ 600,000 บาท และการเกิดใหม่ของ ICO หลายๆเจ้านั้นที่ทำให้ผู้คนเน้นหวังทำกำไรกันเกิน 10 เท่า แต่เนื่องจากจำนวน ICO เกิน 80% เป็น Scam รวมกับ Project ที่ล้มเหลว ทำให้ราคาดีดตัวของเหรียญจำนวนมากลดลงเกิน 90% ในปี 2018 ซึ่งราคาเหรียญหลัก (Bitcoin) ตกลงไปเหลือหลักแสนต้นๆท้ายปี 2018
เทรนใหม่ต่อจากนี้เป็นการเกิดขึ้นใหม่ของ Cryptocurrency ในรูปแบบ STO ซึ่งกำลังจะมาเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งที่มีมูลค่าและมีสินทรัพย์ที่จับต้องได้หนุนโทเค็นเหล่านี้ไว้ ในขณะนี้ STO เป็นที่พูดถึงกันทั่วโลกและได้รับความสนใจในทั้งกลุ่มบริษัทขนาดเล็กถึงกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่
STO หรือ Security Token Offerings คืออะไร ?
ก่อนอื่นทุกคนควรจะทราบว่าในโลกของคริปโต คำว่า เหรียญ (coins) หรือ โทเค่น (token) นั้นสามารถใช้แทนที่กันได้ แต่ถว่า ผู้ใช้ทุกๆคนควรจะรู้ด้วยว่า “เหรียญ” ที่ถูกซื้อขายทั้งหมดก็คือ Token ซึ่งสามารถแยกออกได้เป็น 3 หมวด เป็น Currency token (เช่น BTC และ ETH), Utility token (เช่น ERC-20 และ TR-20), และ Securities token (STO). STO มีวัตถุประสงค์ให้ผู้ใช้ ใช้ในการลงซื้อทุนหุ้น แม้จะมีทุนแค่ 100 บาท แต่ก็สามารถลงทุนได้ นี่เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีรายได้น้อยแต่สามารถเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ต ได้เริ่มลงทุนหุ้น
โดยสรุป Security tokens คล้ายคลึงกับสัญญาการลงทุน ซึ่งแปลว่า Security token จะเป็นตัวแทนหุ้นของบริษัท รายได้ และ การรับเงินปันผล หรือ ดอกเบี้ย. ในแง่ของฟังก์ชั่นทางเศรษฐกิจ STO นั้นคล้ายคลึงกับ กรรมสิทธิหุ้นส่วน หรือ สัญญาผูกมัด. ในขณะที่ STO ยังไม่สามารถถูกซื้อขายในประเทศไทยได้ ประเทศ Estonia ได้ทำการอนุมัติการจัดจำหน่าย STO ซึ่งจะเป็นตัวเร่งให้ประเทศอื่นๆ เช่น ประเทศไทย จัดทำการร่างกฏหมายสำหรับในการทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ STO
ในขณะนี้มีเว็บไซต์ดังกล่าวที่เรียกว่า DX exchange ได้เก็บหุ้นจำนวนนึงจากบริษัทยักษ์ใหญ่เช่น Apple, Facebook, Tesla, Google, Netflix และ อื่นๆ และแปลงสภาพหุ้นเป็น Tokens ด้วยอัตราหุ้นกับโทเค็นแบบ 1 ต่อ 1 ทำให้ผู้ใช้งานเว็บไซต์ในรูปแบบ TSD ที่ทุกท่านสามารถซื้อขายหุ้นเหล่านี้ได้บนเว็บไซต์โดยได้รับการสนับสนุนโดย Nasdaq และ Bloomberg
เพื่อเป็นการสรุปว่าการซื้อครอง STO ดีกว่าซื้อหุ้นอย่างไร ?
(ความคิดเห็นส่วนตัว)
STO คือเครื่องมือการเปลี่ยนสิ่งของเช่น หุ้น หรือ สัญญาผูกมัด ให้เป็นดิจิตอลทั้งหมด ข้อที่สอง การแปลงสินทรัพย์ให้เป็น token ทำให้เราสามารถใช้เทคโนโลยี blockchain ที่มีความปลอดภัยสูง มาใช้ในการซื้อขายได้ และ แลกเปลี่ยนได้ ทั้งหมดนี้ สำหรับนักลงทุน STO ในอนาคต จะสามารถซื้อขายหุ้นแม้ในจำนวนเงินที่เล็กน้อย ไม่จำเป็นที่จะต้องซื้อหุ้นตามจะนวนที่ถูกกำหนดไว้ เป็นการสร้างโอกาสให้คนที่มีรายได้น้อยสามารถทำการลงทุนที่หลากหลายได้ ตลาดการซื้อขายเปิดอยู่ตลอด 24 ชม. ซึ่งต่างจากตลาดหุ้นทั่วไปที่มีเวลาเปิดปิดแบบจำกัด และผู้ใดที่อยู่ในประเทศต่างๆสามารถเข้ามาซื้อขายหุ้นในสภาพโทเค็นได้อย่างสะดวกโดยไม่จำเป็นจะต้องผ่านหลายขั้นตอนเพื่อที่จะลงทุนในบริษัทยักษ์ใหญ่ในต่างประเทศ
บทสรุป
เมื่อใดที่ด้านกฎหมายของประเทศไทยให้อนุญาตธุรกิจออก STO เมื่อนั้นมูลค่าของ Crypto ในนาม STO จะพุ่งสูงขึ้นอย่างมากหากเทียบกับ ICO ในปัจจุบันที่มีเพียงแค่การสนับสนุนของ project
STO จะถูกตีแทนมูลค่าของที่สามารถจับต้องได้ไม่ว่าจะเป็นหุ้นบริษัท ที่ดิน หรือแม้กระทั่งที่อยู่คอนโดสามารถถูกเปลี่ยนเป็นเหรียญได้หมดและให้ค่าตอบแทนเช่นเงินปันผลหรือค่าเช่า ได้เหมือนกัน
ในอนาคตเราอาจจะได้เห็น Bitkub.com ลิสเหรียญแทนหุ้นบริษัทหรือแทนที่ดินในนาม STO หากมีการรองรับด้านกฎหมายที่พร้อมแล้ว
*บริษัท Bitkub Blockchain Technology ผู้เชี่ยวชาญการให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี มีความมุ่งมั่นที่จะให้ความช่วยเหลือทุกท่านทางทธุรกิจ ในทุกๆโอกาศ ที่จะมาพร้อมกับกฏหมายที่จะถูกร่างขึ้นมาอย่างเป็นทางการในอนาคตอันใกล้
*ทั้งนี้ STO ยังไม่มีกฎหมายอนุญาตให้มีการจัดทำ STO และการเสนอขายสินทรัพย์ดังกล่าวในประเทศไทย
ที่มา : Bitkub Blockchain Technology
www.mitihoon.com