มิติหุ้น – NER คาดกำไรสุทธิ Q2/62 โตแกร่ง เผยหลังปิดงบครึ่งปีแรก มีแววอัพเป้าหมายปริมาณขาย-รายได้เพิ่ม ตามออเดอร์ใหม่เข้าไม่หยุดหนุนยอดขายล่วงหน้าเต็มหน้าตัก เผยปริมาณขาย Q2/62 ทำได้แล้ว 6.7 หมื่นตัน ทะลุเป้าเดิมที่ตั้งไว้ แถมได้ราคาขายสูงลิ่ว มีแผนรุกธุรกิจปลายน้ำ หวังต่อยอดธุรกิจยางพารา เพิ้มมาร์จิ้น คาดเริ่มกระบวนการได้ปี 63
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ หรือ NER โดยนายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า แนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 2/2562 จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยภายหลังจากที่ปิดงบครึ่งปีแรกแล้วนั้น ทางบริษัทมีแผนปรับเป้าหมายเพิ่มเป้าหมายรายได้ที่จากเดิมคาดไว้จะโตได้ 30% จากปีก่อน และเพิ่มเป้าหมายปริมาณการขายจากเดิมที่คาดไว้ว่าจะมีปริมาณการขาย 264,000 ตัน เนื่องจากการสั่งออเดอร์ในขณะนี้ ได้มีการขายล่วงหน้าได้แล้วจำนวนมาก และมากกว่าเป้าหมายในทุกไตรมาส ซึ่งหากรวมออเดอร์ใหม่แล้ว มั่นใจว่าจะสามารถสร้างผลการดำเนินงานได้อย่างแข็งแกร่งตลอดปี
“การขายสินค้าส่วนใหญ่ เป็นการสั่งออเดอร์จากล่วงหน้า 3-6 เดือน ซึ่งเมื่อได้ออเดอร์ใหม่มา จะทำให้การขายมากกว่าเป้าหมาย 22,000 ตันต่อเดือนนั้น เป็นไปได้เกือบทุกเดือน ซึ่งขณะนี้เป้าหมายการขายทั้งปี 264,000 ตัน ได้มีการล็อกการขายสินค้าไว้เกือบหมดแล้ว ที่เหลือเป็นการซื้อมาขายไประหว่างปี ขึ้นอยู่กับว่าราคายางขึ้นมั้ย ถ้าขึ้นเราก็ได้มาร์จิ้นต่อการขายสูงมาก โดยเร็วๆ นี้ เชื่อว่ามีโอกาสขึ้นไปแตะระดับ 65 บาทต่อกิโลกรัม และจะแกว่งทรงตัวอยู่บริเวณนั้น จากความต้องการที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเทียบจากปีก่อนที่ราคาเฉลี่ยเพียง 46 บาทต่อกิโลกรัม ดังนั้น ปีนี้จึงเป็นปีที่ดีอีกปีที่ราคาขายอยู่ในระดับที่สร้างผลงานให้บริษัทอย่างแข็งแกร่ง” นายชูวิทย์ กล่าว
สำหรับไตรมาส 2/2562 บริษัทมีการจำหน่ายสินค้าล่วงหน้าแล้ว 6.7 หมื่นตัน สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 6.6 หมื่นตันต่อไตรมาส โดยยังเหลือการขายอีกในช่วงเดือนพ.ค.-มิ.ย.62 แต่อย่างไรก็ตาม การขายในไตรมาสนี้ส่วนใหญ่แล้วนั้นจะสามารถรับรู้เป็นรายได้ในช่วงไตรมาส 3/62 ต่อไป
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะขยายธุรกิจไปสู่ธุรกิจปลายน้ำ เพื่อต่อยอดผลิตภัณฑ์ประเภทยางพารา เพื่อให้มาร์จิ้นของการขายสูงขึ้้นได้อีกหลายเท่าตัว ซึ่งขณะนี้ได้ร่วมมือระหว่างมหาวิทลัยหลายแห่ง เพื่อศึกษาและวิจัย ผลิตภัณฑ์ ที่มีความต้องการของตลาดระดับสูง เบื้องต้น คาดว่าภายในปี 2563 จะได้ข้อสรุปและพร้อมดำเนินการผลิตต่อไป ซึ่งสินค้าที่บริษัทจะผลิตออกมานั้น จะไม่แย่งต่อลูกค้า หรือทำให้ลูกค้าที่นำไปผลิตต่อมีผลกระทบเป็นอันขาด
www.mitihoon.com