DRT โชว์แกร่ง กำไรสุทธิไตรมาส 1/62 ทำสถิติใหม่ที่ 211.93 ล้านบาท ทุกช่องทางการขายโตเด่น หลังลูกค้าสั่งออเดอร์สินค้าพุ่ง

90

มิติหุ้น – DRT โชว์แกร่ง กำไรสุทธิไตรมาส 1/62 ทำสถิติใหม่ที่ 211.93 ล้านบาท ทุกช่องทางการขายโตเด่น หลังลูกค้าสั่งออเดอร์สินค้าพุ่ง

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ. ผลิตภัณฑ์ตราเพชร หรือ DRT โดยนายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า ผลดำเนินงานไตรมาส 1/62 ที่ DRT เติบโตได้ดีกว่าเป้าหมายทั้งในแง่ของกำไรสุทธิและรายได้ ซึ่งถือเป็นสถิติใหม่ของบริษัทฯ โดยมีรายได้รวม 1,394.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.64%  และมีกำไรสุทธิรวมกำไรพิเศษจากการขายที่ดินที่ไม่ใช้ประโยชน์ ทำได้ 211.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51.38%  เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน หากไม่นับรวมกำไรพิเศษ กำไรสุทธิทำได้  165.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.30% ยังสูงกว่าที่ตั้งเป้าหมายเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% ในปีนี้

สำหรับปัจจัยความสำเร็จดังกล่าว มาจากความสำเร็จของการรุกขยายตลาดวัสดุก่อสร้าง ‘ตราเพชร’ ภายใต้กลยุทธ์ ‘สวยครบเซต ตราเพชรทั้งหลัง’ ที่ชูจุดเด่นด้านความหลากหลายของผลิตภัณฑ์สามารถนำไปก่อสร้างบ้านได้ทั้งหลัง ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ส่งผลให้ยอดขายในทุกช่องทางการจัดจำหน่ายปรับตัวสูงขึ้น ทั้งกลุ่มร้านค้าตัวแทนรายย่อย ห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ ลูกค้าโครงการและตลาดส่งออก

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังสามารถบริหารจัดการด้านต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ในไตรมาส 1/62 มีวัตถุดิบบางรายการปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม ประกอบกับอัตรการเดินเครื่องจักรเฉลี่ย 90% ทำให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยอยู่ในระดับต่ำและช่วยสนับสนุนให้ DRT ยังคงรักษาอัตราการทำกำไรขั้นต้นได้ตามแผนงานและสนับสนุนตัวเลขกำไรสุทธิที่ดี

สำหรับภาพรวมการดำเนินงานในไตรมาส 2/62 เชื่อมั่นว่า จะยังคงรักษาอัตราการเติบโตที่ดีได้อย่างต่อเนื่อง โดยจะเร่งผลักดันสินค้าวัสดุก่อสร้างแบรนด์ ‘ตราเพชร’ เข้าสู่ช่องทางการจำหน่ายให้มากขึ้น หลังจากในช่วงวันหยุดยาวของเดือนเมษายนที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้เร่งเพิ่มปริมาณสต๊อกสินค้า
รอการขายเพิ่มขึ้นเพื่อเร่งส่งมอบให้แก่ลูกค้า หลังจากพบว่ามีคำสั่งซื้อสินค้าเพิ่มสูงขึ้นมากในทุกช่องทางการจัดจำหน่าย

นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการขยายกำลังการผลิตไฟเบอร์ซีเมนต์ (NT11) ที่โรงงานจังหวัดสระบุรี  โดยใช้งบลงทุนประมาณ 400 ล้านบาท ซึ่งมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน เพื่อขยายกำลังการผลิตสินค้ากลุ่มไม้สังเคราะห์และไดมอนด์บอร์ดอีก 55,000 ตันต่อปี โดยคาดว่าเครื่องจักรใหม่ดังกล่าวจะสามารถเริ่มเดินผลิตสินค้าเชิงพาณิชย์ได้ในปลายปี 2563 ซึ่งเข้ามาช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นด้านการผลิตและรองรับโอกาสการขายสินค้าที่มากขึ้น

www.mitihoon.com