ASIAN ไตรมาส2โตสวนโลว์ซีซั่น วงในชี้ชัดเป้า9.60บ.-เชียร์”ซื้อ” (15/05/62)

83

มิติหุ้น – ASIAN ปั๊มงบไตรมาส 2 โตแรง ไม่สนโลว์ซีซั่น หลังได้ธุรกิจอาหารสัตว์น้ำหนุน พร้อมสานรายได้ปีนี้วิ่งทะลุ 1.07 หมื่นล้านบาท หรือโตกว่า 10% ตามแผนที่วางไว้ วงในฟันธง ธุรกิจได้มาร์จิ้นการขายสูงขึ้น ให้ราคาเหมาะสม 9.60บาทต่อหุ้น อิงค่า P/E ต่ำ 13 เท่า แนะนำ “ซื้อ”

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ห้องเย็นเอเชี่ยน ซีฟู้ด หรือ ASIAN ดำเนินธุรกิจประเภทอุตสาหกรรมแปรรูปสัตว์น้ำแช่แข็ง จำหน่าย และส่งออก โดยนางสาววรัญรัชต์ อัสสานุพงศ์ ผู้จัดการฝ่ายการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ เผยว่า  บริษัทมั่นใจผลดำเนินงานงวดไตรมาส 2/62 มีแนวโน้มเติบโตกว่าไตรมาส 1/62 ที่มีกำไรสุทธิ  60 ล้านบาท พร้อมด้วยอัตรากำไรขั้นต้นที่อยู่ราว 8.0%

เนื่องด้วยสินค้าประเภทอาหารสัตว์น้ำ มียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมาก พร้อมทั้งยังได้มาร์จิ้นต่อการขายในระดับสูง โดยมองว่าช่วงไตรมาส 2/62 สัดส่วนการขายมีโอกาสขึ้นไปแตะระดับ 15% จากเดิมที่เฉลี่ยประมาณ 10% ในส่วนของอาหารแช่แข็งและอาหารสัตว์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ประเภทอื่นๆ ยอดขายมองว่าจะอยู่ในระดับทรงตัวจากไตรมาส 1/62 อย่างไรก็ตาม ช่วงไตรมาส 2/62 เป็นช่วงโลว์ซีซั่นของธุรกิจ การขายสินค้าส่วนใหญ่จะรับรู้อย่างมากในช่วงปลายไตรมาส2/62 หรือต้นไตรมาส 3/62

บาทผันผวนคุมอยู่หมัด – ปั๊มงบโตแรง

สำหรับแนวโน้มอัตราแลกเปลี่ยน มองว่ายังคงแกว่งตัวในระดับใกล้เคียงกับช่วงไตรมาสที่ผ่านมา บริษัทมีการติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อทำประกันค่าเงินในระดับที่เหมาะสม เพื่อมิให้ก่อให้เกิดการขาดทุนค่าเงินการต่อขาย

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโตได้มากกว่าระดับ 10,700 ล้านบาท หรือเติบโต 11% จากปีก่อน และคาดมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับ 10-12% ตามการขยายตลาดใหม่ๆ โดยใช้แบรนด์เดิมและแบรนด์ใหม่ในการเจาะตลาดทั้งในและต่างประเทศ
เชียร์ “ซื้อ” – เคาะเป้า 9.60 บ.

ด้านฝ่ายวิเคราะห์ บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส ระบุว่า ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงประเภทเม็ด อัตรากำไรดี ประเมินว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเป็นปัจจัยที่หนุนการเติบโตของบริษัทในระยะยาว ซึ่งบริษัทมีความสัมพันธ์ที่ดีอยู่แล้วกับผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงชั้นนำ ทำให้เกิดการตัดสินใจเข้าลงทุนในจีน และบริษัทที่มีโอกาสที่กำไรจะที่มีเสถียรภาพมากขึ้นเรื่อยๆ จากธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น แนะนำ “ซื้อ” โดยมีราคาพื้นฐานที่ 9.60 บาท อิง P/E ที่ 13 เท่า ลดจาก 15 เท่าก่อนหน้านี้