ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป หรือ TU ประกอบธุรกิจผลิตและส่งออกอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งและบรรจุกระป๋อง โดยนักวิเคราะห์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/62 จะเติบโตกว่าไตรมาสก่อนหน้าและช่วงเดียวกันปีก่อน จากผลของฤดูกาล และต้นทุนขายที่ดีขึ้น จากสต๊อกปลาทูน่าที่ราคาต่ำ
อย่างไรก็ตามได้ปรับประมาณการบริมาณขายปลาทูน่าในสหรัฐฯ ปี 62 ลง 20% กระทบปริมาณขายปลาทูน่ารวมลดลง 2.3% และปรับปริมาณขายธุรกิจแซลม่อนลง 10.2% เนื่องจากปริมาณขายปี 61 ต่ำกว่าที่คาด ทำให้ปริมาณขายปี 62 ลดลง เพราะคงสมมติฐานการเติบโตเท่าเดิม และปรับราคาขายต่อตันของธุรกิจปลาทูน่าลง 4.7% เพื่อสะท้อนต้นทุนที่ลดลง ทำให้รายได้รวมลดลงจากประมาณการเดิม 2.3% นอกจากนี้ ปรับอัตรากำไรขั้นต้นลงเล็กน้อยจาก 15.2% เป็น 15.0% เท่ากับเป้าของบริษัท และประมาณการกำไรปกติลดลง 8.4% เป็น 5,567 ลบ. เติบโต 23.1% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน
สำหรับประเด็นกดดันราคาหุ้น จากผู้บริโภคในสหรัฐฯ ฟ้องร้องผู้ประกอบการทูน่ากระป๋อง 3 ราย โดยมีบริษัทย่อยของ TU 1 ราย ที่ถูกกล่าวหาว่าการจับสัตว์น้ำของบริษัทเหล่านี้ไม่เป็นมิตรต่อปลาโลมาที่มีเครื่องหมาย Dolphin safe บนบรรจุภัณฑ์
โดยระบุว่าการจับปลาของ 3 บริษัทนี้มีต้นทุนการจับที่ต่ำเกินไป จึงเข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภค แต่ประเมินว่าคดีจะอยู่ในชั้นศาลราว 3 -4 ปี จึงจะถึงที่สุด และราคาหุ้นมีการปรับประมาณการลงเพื่อสะท้อนความเสี่ยงไประดับหนึ่งแล้ว ซึ่งยังคงมี Upside gain 13.5% อีกทั้งเป็นหุ้นที่ถูกเพิ่มน้ำหนักในดัชนี MSCI มีผล 28 พ.ค. จึงมีโอกาสฟื้นตัวได้ในช่วงสั้น ดังนั้น คงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 20.20 บาท