จากการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้สร้างความตกใจให้กับตลาดโลกด้วยการประกาศขึ้นภาษี 25% กับสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญฯ และส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลง นับเป็นครั้งที่ 3 ที่สหรัฐฯ ใช้มาตรการภาษีกับประเทศจีนตั้งแต่ปี 2018 ซึ่งแต่ละครั้งทำให้ตลาดหุ้นมีการปรับตัวลงรับสถานการณ์ เช่นเดียวกับตลาดหุ้นไทย ครั้งแรกที่สหรัฐฯประกาศขึ้นภาษีเข้าจากจีน SET Index ในช่วงวันที่ 1 พ.ค. -29 มิ.ย. ปรับตัวลง 12.8% ครั้งที่ 2 ช่วงวันที่ 1ต.ค.- 27 ธ.ค. ปรับตัว 11.8% และ ครั้งล่าสุดนี้ SET Index ในช่วงวันที่ 3-15 พ.ค. ปรับตัวลงไปแล้ว 3.5% โดยหุ้นแต่ละกลุ่มส่วนใหญ่ปรับตัวลงไปตามดัชนีมีเพียง หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล และอสังหาริมทรัพย์ ที่มีการปรับตัวลดลง เพียงเล็กน้อย ทั้ง 3 ช่วงเวลา
ทั้งนี้จากประเด็นเรื่องสงครามการค้า บวกกับปัจจัยการเมืองในประเทศที่ยังไม่มีความแน่นอน ทำให้มีแรงขายออกมาในตลาดหุ้นไทยเกือบ 4% หลุดแนวรับที่ระดับ 1,630 จุด ดังนั้น KTBST จึงทำการประเมินแนวโน้มตลาดว่า แนวรับถัดไปจะอยู่ที่ 1,600 จุด และเมื่อประเมินโดย คาดการณ์กำไรต่อหุ้น (EPS) ในปีนี้ที่ระดับ 103.2 บาท และ Forward P/E ที่ระดับ 14.9-15.0 เท่า KTBST คาดว่าแนวรับสุดท้ายของ SET Index จะอยู่ที่ระดับ 1,537 – 1,548 จุด ดังนั้น ในช่วงที่ตลาดมีปรับตัวลง หุ้นกลุ่ม หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล และอสังหาริมทรัพย์ จึงเป็นกลุ่มที่มองว่าปลอดภัยสำหรับนักลงทุนที่ไม่ชอบเสี่ยงหรือต้องการลดความเสี่ยงของพอร์ตลงทุน
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้ นักลงทุนกำลังติดตามดูการจัดตั้งรัฐบาลที่คาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงสัปดาห์นี้ และจะมีการประชุมสภาในวันที่ 22 พ.ค. ซึ่งจะเป็นประเด็นสำคัญที่จะมีผลต่อตลาดหุ้นไทยโดยตรงและประเมินว่า ไม่ว่ารัฐบาลจะออกมาเป็นแบบไหน หากทำให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่นว่าจะสามารถบริหารประเทศได้โดยไม่เกิดความวุ่นวายภายหลังย่อมจะเป็นบวกต่อตลาดหุ้น
ขณะที่ประเด็นเรื่องสงครามการค้า แม้จะลดความกังวลลงไปบ้างเนื่องจากตลาดส่วนใหญ่ได้ตอบรับไปแล้ว แต่ตลาดหุ้นเอเชียอาจเกิดความกังวลอยู่บ้างในต่อภาคการส่งออกเนื่องจากมีการพึ่งพิงการส่งออกค่อนข้างมาก การค้าที่ชะลอตัวลงจึงมีผลกระทบค่อนข้างมาก
ด้วยปัจจัยดังกล่าวนี้ KTBS จึงประเมินว่า แนวโน้มกำไรของบริษัททะเบียนในช่วงไตรมาสต่อไป จะขึ้นอยู่กับทิศทางการเมืองในประเทศและเรื่องของสงครามการค้าเป็นหลัก และจะส่งผลให้กำไรในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังคงผันผวน KTBST คาดการณ์กำไรตลาดในปี 2019 อยู่ที่ 1.05 ล้านล้านบาท และประเมินเป้าหมายของดัชนี SET Index ปีนี้ที่ระดับ 1,712 จุด ในเชิงกลยุทธ์ลงทุนหุ้นที่ KTBST แนะนำยังคงเป็นหุ้นที่มีความแข็งแรงของเฉพาะ เช่น โรงไฟฟ้า ,โรงพยาบาล , อสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ตลาดหุ้นต่างประเทศยังแนะนำตลาดหุ้นจีน อินเดีย และญี่ปุ่น ที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมาอยู่ในระดับที่น่าสนใจและได้ปัจจัยบวกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ติดตามข่าวสารการลงทุนได้จาก ”มุมความรู้” https://www.ktbst.co.th/th/knowledge.php
โดยชาตรี โรจนอาภา รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์
บล. เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KTBST)
www.mitihoon.com