ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ไทยออยล์ หรือ TOP ได้ประเมินราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังสถานการณ์ความไม่สงบในภูมิภาคตะวันออกกลางยังคงระอุ ซึ่งเป็นผลจากการตอบโต้ของฝังอิหร่านจากความไม่พอใจที่สหรัฐอเมริกา ใช้มาตรการเข้มงวดต่อการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่าน
นอกจากนี้ ตลาดคาดการณ์ว่ากลุ่มโอเปกจะขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตไปจนถึงสิ้นปีส่งผลให้ตลาดมีแนวโน้มตึงตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มถูกกดดันจากกำลังการผลิตของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับความยืดเยื้อของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่จะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมันดิบโลก
ส่วนปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้ ตลาดกังวลอุปทานน้ำมันดิบตึงตัวหลังสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่านมีแนวโน้มทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น โดยสหรัฐฯ เริ่มส่งเรือบรรทุกเครื่องบิน พร้อมทั้งกองกำลังทิ้งระเบิดไปยังตะวันออกกลางเพื่อเตรียมพร้อมรับมืออิหร่าน หลังเหตุการณ์ความไม่สงบรุนแรงขึ้น เช่น ท่อขนส่งน้ำมันของซาอุดิอาระเบียถูกลอบโจมตี จรวดถูกยิงตกเข้าไปใกล้กับสถานทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศอิรัก และการประกาศขู่ที่จะปิดช่องแคบฮอร์มุซซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของการส่งออกน้ำมันของตะวันออกกลาง
โดยสาเหตุทั้งหมดเกิดขึ้นหลังจากที่สหรัฐฯ ใช้มาตรการกดดันอิหร่านโดยการยกเลิกการผ่อนปรนการส่งออกน้ำมันของอิหร่านตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค. 62 เพื่อเป็นการตัดแหล่งรายได้ที่สำคัญของอิหร่าน ทั้งนี้ ไทยออยล์คาดว่าราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 55 – 60 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 65 – 70 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล