WHA ปั้มยอดขายที่ดินครึ่งปีหลังกว่าพันไร่ ดันรายได้พุ่ง 70% แย้มใกล้สรุปดีลร่วมทุนตปท. เร็วๆนี้  

191

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA โดยนายอรรถวิทย์ เฉลิมทรัพยากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า บริษัทคาดยอดขายที่ดินช่วงครึ่งปีหลังจะอยู่ที่ 1,015ไร่ จากเป้าหมายที่วางไว้ทั้งปี 1,400ไร่ โดยช่วงครึ่งปีแรกขายที่ดินพร้อมโอนเป็นที่เรียบร้อยแล้วจำนวน 385 ไร่ เนื่องจากผู้ประกอบการต่างประเทศมีการย้ายฐานการผลิตเข้าในประเทศจำนวนมาก

ทั้งนี้ คาดว่าจะมีการยอดการโอนที่ดินภายในไตรมาส 2/2562 จำนวนมาก โดยได้อานิสงส์จากปัญหาสงครามทางการค้าที่ยังไม่สามารถหาข้อสรุปที่แน่นอนได้ และการส่งเสริมนโยบายโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ของภาครัฐ ขณะที่รายได้ทั้งปียังคงเป้าหมายเติบโตจากปีก่อน 70% ตามแผน โดยมีปัจจัยหนุนจากทุกธุรกิจที่เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ ซึ่งเตรียมขยายเพิ่มอีก 250,000 ตารางเมตรครอบคลุมการบริหารจัดการของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป รวมทั้งสิ้น 2,500,000 ตารางเมตร

ขณะที่กลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมตอกย้ำความเป็นผู้นำในประเทศไทยในปี 2562 ตั้งเป้ายอดขายที่ดิน จำนวน 1,600 ไร่ แบ่งเป็นในไทย 1,400 ไร่ และ 200 ไร่ ที่ประเทศเวียดนาม ส่วนกลุ่มธุรกิจบริการสาธารณูปโภคและพลังงาน ตั้งเป้าการผลิต และจำหน่ายน้ำที่ 120 ล้านลบ.ม. เล็งผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ตามสัดส่วนการถือหุ้น 570 เมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงเชิงพาณิชย์ และพลังงานทดแทน พร้อมเสริมโซลูชั่นระบบน้ำและพลังงานใหม่ๆ แก่ลูกค้า

สำรับกลุ่มธุรกิจดิจิทัล แพลตฟอร์ม เร่งปรับโฉมทุกนิคมอุตสาหกรรมในเครือให้เป็นดิจิทัล เต็มรูปแบบ ในปี 2562 โดยเตรียมเปิดให้บริการไฟเบอร์ออพติก (FTTx) ใน 10 นิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป

ในส่วนของงบลงทุนปีนี้เตรียมไว้ทั้งสิ้น 9,800 ล้านบาท เพื่อนำมาซื้อที่ดินใหม่เพิ่ม 1,000 ไร่ และที่เหลือใช้ในธุรกิจอื่นๆ เพื่อให้การดำเนินงานมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจากับพาสเนอร์ในต่างประเทศเพื่อหวังร่วมทุน ได้แก่ ในอินโดนิเซีย หวังทำคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าร่วมกัน   และ ในประเทศเวียดนาม หวังร่วมกันก่อสร้างนิคมแห่งใหม่ ซึ่งจะเป็นนิคมแห่งที่ 2 ของบริษัทในประเทศเวียดนาม เบื้องต้นคาดว่าทั้ง 2 โปรเจกส์แล้วจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้

ขณะที่บริษัทยังมีแผนที่จะขายสินค้าทรัพย์เข้ากอง REIT รวมมูลค่ากว่า 5,700 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ช่วงปลายปีนี้ ซึ่งมีวัตถุประสงส์เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อใช้ในอนาคต