อันดับที่ 1 BRR เร่งปั๊มกำไรปีนี้โตกว่าปีก่อน แม้ราคาน้ำตาลโลกยังซบเซา หลังโรงงานใหม่เดินเครื่องผลิต-ธุรกิจแพคเก็จจิ้งเริ่มจำหน่าย-ปริมาณการขายเพิ่ม-รุกดีลพันธมิตรร่วมทุน
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.น้ำตาลบุรีรัมย์ หรือ BRR โดย นายอนันต์ ตั้งตรงเวชกิจ ประธานกรรมการบริหาร เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจกำไรสุทธิปีนี้จะมากกว่าปีก่อนที่ทำได้ 271 ล้านบาท ถึงแม้ว่าในขณะนี้ราคาน้ำตาลโลกจะอยู่ในระดับต่ำ โดยมองว่าในช่วงที่ผ่านมา ได้ผ่านช่วงต่ำสุดไปแล้ว ซึ่งในระยะต่อไปมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่องโดยปัจจุบันนี้ราคาน้ำตาลโลกเฉลี่ยอยู่ที่ 12 เซนต์ต่อปอนด์ ยคาดว่าระหว่างปีจะปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอยู่ในระดับ 14 เซนต์ต่อปอนด์ เนื่องด้วยความต้องการใช้น้ำตาลที่เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับหลายประเทศที่เป็นผู้ส่งอออกน้ำตาลรายใหญ่เริ่มเข้าสู่ภัยแล้ง จึงทำให้ปริมาณการส่งออกน้ำตาล ออกมายังตลาดโลกมีแนวโน้มที่ลดลง โดยประเทศอันดับ 1 ที่เป็นผู้ครองตลาดน้ำตาลขณะนี้ ได้แก่ อินเดีย และอันดับ 2 บราซิล
อันดับที่ 2 KTC คาด Q3/62 รับไลเซ่นส์ 3 ธุรกิจใหม่ “นาโนไฟแนนซ์-พิโกไฟแนนซ์-สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน” พร้อมลุยปล่อยสินเชื่อ
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.บัตรกรุงไทย หรือ KTC โดยนายชุติเดช ชยุติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส – คอร์ปอเรท ไฟแนนซ์ เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการเตรียมความพร้อมที่จะรุกขยาย 3 ธุรกิจใหม่ ได้แก่ นาโนไฟแนนซ์ พิโกไฟแนนซ์ และสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน โดยคาดว่าภายในไตรมาส 3/62 นี้ จะได้รับใบอนุญาตและสามารถเปิดให้บริการปล่อยสินเชื่อได้ สำหรับการรุกทำธุรกิจใหม่ ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายกลุ่มใหม่ที่ต่างจากเดิม จะช่วยเพิ่มโอกาสขยายตัวของสินเชื่อในอนาคต ทั้งจากฐานลูกค้าและวงเงินที่ต่างจากสินเชื่อเดิม ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถเติบโตอย่างต่อเนื่อง และคาดหวังว่าจะเป็นหัวหอกในการขยายฐานรายได้ใหม่ (New S-curve) ให้กับบริษัทเพิ่มเติมจากการทำธุรกิจหลักบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลต่อไป
อันดับที่ 3 STPI ราคาหุ้นช่วงเช้าดีดแรง 4.47% พุ่งสูงสุด 7 บาท รับกระแสเลือกนายกฯ ผลประกอบการปีนี้มั่นใจผลงานโตแกร่ง ลุ้นผลประมูลโครงการใหญ่
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.เอสทีพีแอนด์ไอ หรือ STPI ผู้ประกอบการรับติดตั้งโครงสร้างเหล็กโรงกลั่น โดยแหล่งข่าวจากวงการอุตสาหกรรม ราคาหุ้นช่วงเช้าปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 7 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท หรือ 4.47% เนื่องจากคาดว่าได้รับอานิสงส์การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเลือกนายกรัฐมนตรีวันนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า STPI เป็นหุ้นที่สนับสนุนพรรคการเมืองหนึ่งที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ขณะที่ผลประกอบการในปีนี้มั่นใจว่าจะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากคาดว่าจะได้รับงานติดตั้งโครงสร้างเหล็กโรงกลั่นที่ประเทศสิงคโปร์ ประเทศสหรัฐอเมริกาคาดว่าจะทยอยประกาศผลประมูลงานในไตรมาส 3/62 โดยคาดว่าจะได้งานโครงการละ 5,000-10,000 ล้านบาท ส่วนโครงการพลังงานสะอาด (CPF) ของ บมจ.ไทยออยล์ หรือ TOP นั้นคาดว่าจะได้งานซับคอนแทรคราว 10,000 ล้านบาทซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ผลประกอบการปี 62 เติบโตมีกำไร
อันดับที่ 4 NWR เฮ!! เตรียมบันทึกกำไรพิเศษ 837 ล้านบาท รวมดอกเบี้ย หลังศาลอุทธรณ์ฯ วินิจฉัยให้ PE จ่ายเงินคดีแพ่ง
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.พรีเมียร์ เอ็นเตอร์ไพรซ์ หรือ PE แจ้งว่า วันนี้ (5 มิ.ย.62 ) ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษได้มีคำวินิจฉัยในคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับกระบวนการฟื้นฟูกิจการ หมายเลขแดงที่ พก 14/2560 โดยได้พิพากษาให้บริษัทชำระเงินให้แก่ บมจ.เนาวรัตน์พัฒนาการ หรือ NWR ซึ่งเป็นโจทก์ในคดีดังกล่าว โดยให้ชำระต้นเงินพร้อมดอกเบี้ยคำนวณจนถึงวันที่ 2 เม.ย.55 รวมเป็นเงิน 837,221,091.68 บาท และชำระดอกเบี้ยในอัตรา 7.5% ต่อปี ของเงินต้น 473,466,980.61 บาท นับแต่วันที่ 3 เม.ย.55 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น ทั้งนี้ PE ยังมีสิทธิที่จะขออนุญาตยื่นฎีกาคดีนี้ต่อศาลฎีกาได้ต่อไป
อันดับที่ 5 HelloGold แอพฯ ออมทองและซื้อขายทอง เจาะฐานมนุษย์เงินเดือนและผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงการออมทองคำ ตั้งเป้าลูกค้า 120,000 รายภายในปีแรก
“HelloGold” แอพฯ ออมทองและซื้อขายทองหวังเจาะฐานมนุษย์เงินเดือนและผู้ที่รายได้น้อยให้เข้าถึงการออมทองคำ เริ่มต้นเพียง 10 บาท ก็สามารถออมทองได้ ทั้งนี้ บริษัทฯตั้งเป้าหมาย ลูกค้า 120,000 รายภายในปีแรกของการให้บริการ พร้อมเปิดตัวพันธมิตร “The 1” ใช้คะแนน The 1 โดยทุก 500 คะแนน จะสามารถแลกรับ Voucher ทองคำได้มูลค่า 50 บาทที่ HelloGold เริ่ม 15 มิ.ย.นี้ มร.โรบิน ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮัลโหล โกลด์ จำกัด (“HelloGold”) เปิดเผยว่า “บริษัทได้เล็งเห็นถึงโอกาสในการนำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวเชื่อม เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายคือกลุ่มคนที่ยังไม่ถึงการใช้บริการของธนาคาร หรือกลุ่มที่ยังไม่สามารถเข้าถึงทุกบริการของธนาคารพาณิชย์ทั่วไปได้ ที่เราเรียกกันว่า unbanked หรือ underbanked โดยกลุ่มเป้าหมายนี้สูงถึง 80% ของประชากรในประเทศสมาชิกอาเซียน
www.mitihoon.com
