5 อันดับข่าวเด่นมิติหุ้นภาคเช้า

154

อันดับที่ 1 BR แจ้งสิ้นสุดโครงการซื้อหุ้นคืน 6 มิ.ย.62 ซื้อได้ 650,000 หุ้น หรือ 0.07% เป็นเงิน 2.004 ลบ. โบรกฯ คาดผลงานยังแย่ แนะ “ขาย” มูลค่าเหมาะสม 2.70 บ./หุ้น

ผู้สื่อข่าว ”มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.บางกอกแร้นซ์ หรือ BR แจ้งว่า ตามที่ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 8 เมื่อวันที่ 21 พ.ย.2561 มีมติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน โดยเป็นการซื้อผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไททย หรือ ตลท. ระหว่างวันที่ 7 ธ.ค.2561 ถึงวันที่ 6 มิ.ย.2562 โดยกำหนดซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 43 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกิน 4.71% ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด จำนวนเงินสูงสุดที่ใช้ในการซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 200 ล้านบาท ด้าน บล.ทิสโก้ ประเมินว่า หลังจาก BR รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/62 ขาดทุน 15 ล้านบาท เป็นครั้งแรกนับจาก IPO โดยผลประกอบการต่ำกว่าคาดทั้งรายได้และอัตรากำไร โดยยอดขายในประเทศยังคงดี แต่การส่งออกและการดำเนินงานที่เนเธอแลนด์มีรายได้ลดลง 14% และ 37% ตามลำดับ และด้วยแนวโน้มค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ทำให้ผลประกอบการถูกกดดัน ทำให้เราปรับคำแนะนำลงเป็น “ขาย”

อันดับที่ 2 TPIPL ผลประกอบการ Q2/62 ฉายแววเด่น ทั้งปี 62 ลุ้นนิวไฮ หลังราคาผลิตภัณฑ์ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แถมได้รับปัจจัยหนุนจากบริษัทลูกที่มีแนวโน้มเติบโตทุกไตรมาส

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ทีพีไอ โพลีน หรือ TPIPL ผู้ผลิจจำหน่ายปูซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง โดยแหล่งข่าวในวงการอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/62 จะเติบโตดีกว่าไตรมาส 1/62 ที่มีกำไรสุทธิ 529 ล้านบาท เนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์ปูนซีเมนต์ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ประกอบความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ และผลิตภัณฑ์วัสดุการก่อสร้างมากขึ้นตามการขยายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ส่วนภาพรวมทั้งปี 62 มั่นใจว่าผลประกอบการของ TPIPL ทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) พร้อมกันนี้ TPIPL ยังได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมารองรับความต้องการตลาดอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น ปุ๋ย สารปรับสภาพดิน กลุ่มสารชีวภาพ กลุ่มไฟเบอร์ซีเมนต์ กระเบื้องคอนกรีต เพื่อเป็นทางเลือกของลูกค้าและช่วยกระตุ้นยอดขายให้มีการเติบโตขึ้น

อันดับที่ 3 PPS ออกหุ้นเพิ่มทุน 257.956 ล้านหุ้น ขาย RO และ PP พร้อมออกตั๋ว B/E วงเงินไม่เกิน 200 ลบ. ชี้ผลงาน Q2 ยังโตต่อ มั่นใจรายได้ทั้งปีตามเป้า 425 ลบ.

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส หรือ PPS โดย นายพงศ์ธร ธาราไชย ประธานกรรมการบริหาร เผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ให้เสนอที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น อนุมัติลดทุนจดทะเบียน จาก 215.99 ล้านบาท เป็น 214.96 ล้านบาท ด้วยการยกเลิกหุ้นสามัญ 4.14 ล้านหุ้น และเพิ่มทุนเป็น 279.45 ล้านบาท โดยให้ออกหุ้นเพิ่มทุนไม่เกิน 257.956 ล้านหุ้น มูลค่าตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท คิดเป็น 30% ของทุนจดทะเบียนฯ รองรับการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Madate) เสนอขายหลักทรัพย์ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม (RO)ไม่เกิน 171.97 ล้านหุ้น และ ขายให้บุคคลในวงจำกัด (PP)ไม่เกิน 85.98 ล้านหุ้นรวมถึงอนุมัติการออกและเสนอขายตั๋วแลกเงินระยะสั้น (B/E) ภายในวงเงินไม่เกิน 200 ล้านบาท อายุไม่เกิน 270 วัน เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และออกหุ้นกู้ (Debenture) ภายในวงเงินไม่เกิน 600 ล้านบาท อายุไม่เกิน 10 ปี

อันดับที่ 4 AOT (มิติหุ้น) โบรกคาด ผลจากประมูลดิวตี้ฟรีและพื้นที่เชิงพาณิชย์ หนุนรายได้ Non-Aero เพิ่มเป็น 60% ใน 3 ปีข้างหน้า แนะ “ทยอยซื้อ” ราคาเป้าหมาย 71 บ.

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ประเมินแนวโน้ม บมจ.ท่าอากาศยานไทย ทหรือ AOT โดยระบุว่า จากการประมูลดิวตี้ฟรีและพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่จะทำให้มีรายได้ที่ไม่ได้มาจากกิจการการบินเพิ่มขึ้น ยังมีโครงการอื่น ๆ อย่างเช่น 1. ศูนย์ตรวจสอบและรับรองคุณภาพสินค้าก่อนการส่งออก (Certify Hub) ที่ส่งเสริมรายได้ขนส่งสินค้าทางอากาศ รองรับการส่งออกสินค้าเกษตรทั้งไทยและประเทศเพื่อนบ้าน 2. Digital Platform เพื่อรองรับอีคอมเมิร์ซ และการค้าขายใหม่ ๆ ทางออนไลน์ที่มีการเติบโตต่อเนื่องในอนาคตทั้งในประเทศและประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) 3. จัดตั้งบริษัทร่วม/ย่อย เช่น บริษัท บริการภาคพื้น ท่าอากาศยานไทย ที่จัดตั้ง ต.ค. 2561 ถือหุ้น 49% เพื่อให้บริการลานจอดและอุปกรณ์ภาคพื้นในสนามบินของ AOT  และ 4. แอร์พอร์ตซิตี้ซึ่งเป็นโครงการใหญ่บนที่ดินราว 1,400 ไร่ โดยที่ดินของ AOT มี 723 ไร่

อันดับที่ 5 MFEC ราคาเด้ง กูรูชี้กำไร Q2/62 โตแรง ได้แบ็กล็อก – งานในมือหนุน ลุ้นงานวางระบบเพิ่ม หลังรัฐบาลใหม่เดินเครื่อง โบรกเคาะเป้า 5 บ.

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานความเคลื่อนไหวหุ้น บมจ.เอ็ม เอฟ อี ซี หรือ MFEC การซื้อขายภาคเช้าราคาปรับตัวขึ้นสูงสุด 3.74 บาท เพิ่มขึ้น 0.38 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขายกว่า 7.14 ล้านบาท ด้านนักวิเคราะห์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมินธุรกิจ MFEC คาดผลงานผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และธุรกิจมีโอกาสฟื้นตัวตามการเติบโตของงานวางระบบไอทีของผู้ประกอบการเอกชน หลังการเลือกตั้ง โดยคาดกำไรสุทธิปี 62 ไว้ที่ 170 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 3 ปี และพลิกจากขาดทุนสุทธิ 166 ล้านบาท ในปี 61 จากฐานต่ำ รายได้กลับมาเติบโตและมาร์จิ้นฟื้นตัว ดังนั้น แนะนำ “ซื้อ” ประเมินราคาเหมาะสม 5.00 บาท

www.mitihoon.com