มิติหุ้น – TWZ วางเป้ารายได้ปี 62 โตใกล้เคียงปีก่อน คาดยอดขายมือถือปีนี้โต 5-10% เล็งขายธุรกิจอสังหาฯ 3 โครงการ มูลค่าราว 700 ลบ. คาด COD โรงไฟฟ้าขยะ ไม่เกินสิ้นปีนี้ หวัง IRR 18-20% คุ้มทุนใน 4-5 ปี เผยสนใจเป็นดีลเลอร์ขายรถ EV ร่วมกับพันธมิตรจีน ชัดเจนปลายปีนี้
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น หรือ TWZ ประกอบธุรกิจหลักเป็นผู้จำหน่ายและให้บริการต่างๆ เกี่ยวกับอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคม โดยนายพุทธชาติ รังคสิริ ประธานกรรมการ เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจปี 62 คาดรายได้เติบโตใกล้เคียงปีก่อน โดยรายได้หลักกว่า 90% ยังมาจากธุรกิจด้านสื่อสารโทรคมนาคม แต่ปัจจุบันมีการแข่งขันรุนแรง และมีปัจจัยภายนอกเข้ามากระทบ เช่น สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ทำให้มาร์จิ้นอยู่ในระดับต่ำที่ 10-15% และมี Net Margin ราว 3 -5%
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังตั้งเป้าเติบโตในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมปีนี้ราว 5-10% และคาดในช่วงไตรมาส 3/62 จะได้รับปัจจัยบวกจากโอเปอเรเตอร์มือถือเตรียมหยุดการให้บริการคลื่น 2G และเปลี่ยนไปใช้คลื่น 5G ซึ่งปัจจุบันยังเหลือลูกค้าในระบบ 2G ที่จำเป็นต้องเปลี่ยนอุปกรณ์มือถือประมาณ 6 ล้านราย โดยบริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรแน่นแฟ้นอย่าง บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ AIS และคาดจะได้รับออเดอร์พิเศษดังกล่าว
ขณะเดียวกันล่าสุดบริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะอุตสาหกรรม ขนาดกำลังผลิต 3 MW และมีใบอนุญาต PPA 2.5 MW ที่ใช้เงินลงทุน 600 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ภายในไม่เกินสิ้นปี 62 นี้ โดยคาดหวังมีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ประมาณ 18-20% ซึ่งจะถึงจุดคุ้มทุนภายใน 4-5 ปี
“ปัจจุบัน TWZ มีธุรกิจ 3 สาย ได้แก่ สื่อสารโทรคมนาคม พลังงาน และอสังหาริมทรัพย์ ยืนยันไม่ทิ้งธุรกิจหลักในสายสื่อสารโทรคมนาคม แต่ในช่วงสั้นๆ ธุรกิจนี้ถูกดิสรัปจากหลายปัจจัย ทำให้ TWZ ต้องคิดขยายการลงทุนไปในธุรกิจที่มีสัดส่วนรายได้ไม่มากเมื่อเทียบกับรายได้รวม แต่เป็นธุรกิจที่มีโอกาสสร้างกำไร และจะทำให้กำไรของ TWZ โดยองค์รวมนั้นมีศักยภาพมากขึ้น โดยเราคาดว่า จะสามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานขยะได้อย่างเร็วที่สุดประมาณสิ้นปีนี้” นายพุทธชาติกล่าว
ขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาขาย 3 โครงการ มูลค่าราว 700 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการที่เขาใหญ่ราว 300 ล้านบาท โครงการที่พัทยา มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท และที่ดินที่นวนคร มูลค่า 40-50 ล้านบาท ส่วนโครงการ The Wiz รัชดาภิเษก ที่จากเดิมเป็นโครงการเช่าระยะยาว แต่เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันทำให้ต้องปรับเปลี่ยนนโยบายเป็นการเช่าระยะสั้นด้วยระยะเวลาประมาณ 3 ปี ซึ่งปัจจุบันมีห้องว่าง 8 ห้องจากจำนวนทั้งสิ้น 55 ห้อง ซึ่งโครงการนี้ยังทำรายได้ให้อย่างสม่ำเสมอ
นอกจากนี้ บริษัทสนใจทำธุรกิจนำรถยนต์ไฟฟ้า EV แบรนด์จีนเข้ามาจำหน่ายในไทย โดยอยู่ระหว่างศึกษาร่วมกับพันธมิตรจีน คาดจะสามารถเริ่มธุรกิจได้ในช่วงปลายปี 62 นี้
www.mitihoon.com