มิติหุ้น- ALLA ซุ่มผนึกพันธมิตรฮุบงานใหญ่ Warehouse แถมลุยชิงงานใหม่ทั้งในไทย-ต่างประเทศกว่า 600 ล้านบาท เชื่อคว้างานไม่ต่ำกว่า 50% หนุน Backlog ทำนิวไฮทุกไตรมาส แย้มงบไตรมาส 2/62 พุ่งกระฉูด เหตุเริ่มบุ๊กงาน CPALL ปูพรมทั้งปี 62 ฟันรายได้นิวไฮโต 15%
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ออลล่า หรือ ALLA ผู้ผลิต-จำหน่ายและติดตั้งเครนและรอกไฟฟ้า โดย “นายองอาจ ปัณฑุยากร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อเข้าร่วมรับงานใหญ่ระบบขนถ่ายสินค้าอัตโนมัติ (Automated Warehouse)ในประเทศ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในเร็วๆนี้
ชิงงาน600ล.-แบ็คล็อกนิวไฮ
พร้อมกันนี้บริษัทอยู่ระหว่างเข้าประมูลงานใหม่ “กลุ่มปิโตรเคมีและโรงไฟฟ้า” กว่า 600 ล้านบาท มั่นใจจะได้รับงานมากกว่า 50% ของปริมาณงานทั้งหมด แบ่งเป็น กลุ่ม บมจ.ปตท.หรือ PTT มูลค่า 200 ล้านบาท , บมจ.ไทยออยล์ หรือ TOP,บมจ.ไออาร์พีซี หรือ IRPC,บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF รวม 300 ล้านบาท และโรงไฟฟ้าญี่ปุ่นกว่า 100 ล้านบาท คาดว่าจะทราบผลประมูลและเซ็นสัญญาภายในไตรมาส 3/62 นี้
ส่วนการจัดตั้งสำนักงานขายที่ประเทศอินโดนีเซียนั้น คาดว่าจะเริ่มทยอยรับงานใหม่เข้ามาในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ แต่จะไปเริ่มรับรู้รายได้ในปี 63 ซึ่งการรับงานใหม่ๆจะผลักดันให้ปริมาณงานในมือ (Backlog) เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่(นิวไฮ)ในทุกๆไตรมาส
บุ๊กงานCPALL-เซ็นงาน130ล.
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/62 จะเติบโตต่อเนื่อง เพราะบริษัทจะทยอยรับรู้รายได้จาก Backlog ที่ทำนิวไฮถึง 507 ล้านบาท และไตรมาสนี้เป็นไตรมาสแรกที่เริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจใหม่ อย่าง “ธุรกิจ Automated Warehouse” ของ “บมจ.ซีพี ออลล์ หรือ CPALL” มูลค่ารวมกว่า 40 ล้านบาท รวมถึงยังมีโอกาสที่ CPALL จะทยอยป้อนงานใหม่ๆเข้ามาอย่างต่อเนื่องด้วย รวมถึงเมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อน พึ่งเซ็นฯงานใหม่ “โรงงานพรีคาสท์”เข้ามา 130 ล้านบาท
ขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรม เชื่อว่าความชัดเจนทางการเมืองจะเป็นตัวแปรสำคัญที่ขับเคลื่อนให้งานโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐและเอกชนเดินหน้า ซึ่งจะทำให้ความต้องการใช้งานเครนและรอกไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตามไปด้วย นับเป็นโอกาสที่ ALLA จะได้รับงานเข้ามามากขึ้น ส่วนทั้งปี 62 มั่นใจรายได้จะทำนิวไฮโต 10-15% จากปีก่อน 677.44 ล้านบาท
ผุดแบรนด์ใหม่อัพฐานโต
ล่าสุดบริษัทเตรียมจะเปิดตัวสินค้าภายใต้แบรนด์ “YALE” อย่างเป็นทางการในไตรมาส 2/62 นี้ จะส่งผลให้ บริษัทเป็นผู้ให้บริการติดตั้งงานด้านเครนและรอกครอบคลุมลูกค้าในทุกกลุ่ม ตั้งแต่ตลาดระดับบนเน้นงานด้านวิศวกรรมระดับสูง ภายใต้แบรนด์”STAHL” ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ยานยนต์ และโรงไฟฟ้า เป็นต้น
ขณะที่ตลาดระดับกลาง ภายใต้แบรนด์”ABUS” ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก ส่วน “YALE” เน้นกลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็ก ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมในทุกตลาด ทำให้บริษัทฯมีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นและกระจายในหลากหลายอุตสาหกรรม นอกจากจะช่วยขยายฐานรายได้แล้วยังช่วยกระจายความเสี่ยงอีกด้วย
