กลุ่มโตเกียวมารีนปรับทัพเสริมแกร่ง มุ่งพิชิตเป้าหมายกวาดเบี้ยรวมกว่า7พันล.

167

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า กลุ่มโตเกียวมารีนประกาศแต่งตั้ง มร.โนโบรุ ยามากาตะ (Mr. Noboru Yamagata) ดำรงตำแหน่ง กรรมการบริหาร โตเกียวมารีน โฮลดิ้ง ดูแลธุรกิจภูมิภาคเอเชีย รวมทั้งประเทศจีน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา และ มร.ซาลูน ธรรม (Mr. Saloon Tham) ดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โตเกียวมารีน เอเชีย เมื่อเดือนเมษายนของปีนี้เช่นกัน โดยมีหน้าที่ความรับผิดชอบดูแลธุรกิจในภูมิภาคเอเชียทั้งหมดของโตเกียวมารีนกรุ๊ป

ด้านนายชิน ทานิโมโต กรรมการผู้จัดการ บมจ.โตเกียวมารีนประกันชีวิต (ประเทศไทย) เปิดเผยผลประกอบการบริษัทปี 2561 มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 6,708 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรับปีแรก 1,596 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยรับปีต่ออายุ 5,113 ล้านบาท บรรลุเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ โดยมีอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับรวม 9% เมื่อเทียบกับผลประกอบการปี 2560 โดยมีสัดส่วนการขายหลักมาจากช่องทางการขายผ่านตัวแทนประกันชีวิต ประกันกลุ่ม และช่องทางอื่นๆ ตามลำดับ

เดินหน้าพิชิตเป้าเบี้ยรับรวม7.4พันล.
สำหรับ ในปี 2562 บริษัทตั้งเป้าหมาย เบี้ยประกันภัยรับรวม 7,471 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับรวม 11% แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรับปีแรก 1,700 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยรับปีต่ออายุ 5,771 บาท จนถึงเดือนพ.ค. 2562 บริษัทมีผลผลิตเบี้ยประกันภัยรับรวม 3,013 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับรวม 40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน

ช่องทางตัวแทนหัวหอกปั๊มเบี้ย
ด้านนายสมโพชน์ เกียรติไกรวัล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. โตเกียวมารีนประกันชีวิต (ประเทศไทย) เผยผลประกอบการช่องทางตัวแทนจนถึงพฤษภาคม 2562 มีเบี้ยประกันภัยรับปีแรก 752 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 182% (โดยแบ่งออกเป็นเบี้ยประกันภัยสามัญ 358 ล้านบาท เติบโต 42% และเบี้ยประกันภัยรับชำระครั้งเดียว (Single Premium) 394 ล้านบาท เติบโต 2469%) และเบี้ยประกันภัยรับปีต่ออายุ 1,178 ล้านบาท รวมเบี้ยประกันภัยรับรวม 1,930 ล้านบาท เติบโต 47% โดยในปี 2562 ตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับปีแรก 1,250 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยรับปีต่อ 4,113 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยรับรวม 5,363 ล้านบาท และเพิ่มจำนวนตัวแทนเป็น 4,300 คน

“จากรายงานสถานะทางการเงินของบริษัท ณ สิ้นปี 2561 จะพบว่าบริษัทมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมาย (CAR) 745% ซึ่งสูงกว่าค่ามาตรฐานขั้นต่ำที่กำหนดไว้ 140% เรามีการควบคุมค่าใช้จ่ายและการบริหารจัดการที่ดี ที่ทำให้ลูกค้าได้รับผลิตภัณฑ์ที่ดี โครงสร้างผลตอบแทนของตัวแทนเป็นที่น่าพอใจ และบริษัทมีกำไรจากการดำเนินงาน จากรายงานตัวเลขในงบกำไรขาดทุนปี 2561 จะพบว่าปัจจุบันบริษัทมีกำไรสะสมจำนวน 949 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 24,344 ล้านบาท