ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL คาดหวังผลประกอบการฟื้นตัวแข็งแกร่งมากที่สุดในกลุ่ม โดยนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ความกังวลต่อคุณภาพสินทรัพย์ของ BBL เริ่มผ่อนคลายลง หลังจากที่คุณภาพสินทรัพย์ทรงตัวติดต่อกันมา 3-4 ไตรมาส จากความสามารถในการบริหารจัดการ NPL ให้ลดลงจากกลุ่มเสี่ยงหลักคือสินเชื่อธุรกิจและ SME โดยสัดส่วน NPL ของสินเชื่อกลุ่มนี้ลดลงจาก 8% ในกลางปี 2560 เหลือประมาณ 6% ในปัจจุบัน
นอกจากนี้ จากการที่ BBL มีการร่วมมือกับ AIA ด้วยการเป็นนายหน้าประกันได้มีการออกผลิตภัณฑ์ประกันร่วมกันแล้วในช่วงต้นปี 62 โดยออกจำหน่ายตามสาขาของธนาคารทั่วประเทศ รายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นจากผลิตภัณฑ์ใหม่นี้จะช่วยหนุนรายได้ค่าธรรมเนียม และการบริการให้เติบโตได้ประมาณ 5% ซึ่งมากพอที่จะช่วยชดเชยค่าธรรมเนียมธุรกรรมที่ลดลงประมาณ 15% ได้
ขณะที่ BBL ยังมีอัพไซด์จากพัฒนาการด้านบวกของธุรกิจ TV ดิจิตอลหลังจากที่หน่วยงานกำกับดูแลเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการคืนใบอนุญาตได้ เนื่องจาก BBL มีการออก LG ให้กับผู้ประกอบการ TV ดิจิตอลมากที่สุด ดังนั้นภาวะผ่อนคลายจะช่วยลดแรงกดดันจากคุณภาพสินทรัพย์ของลูกหนี้กลุ่มนี้
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยคาดว่ากำไรสุทธิของ BBL ในไตรมาส 2/62 จะอยู่ที่ประมาณ 9.1 พันล้านบาท ทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า และช่วงเดียวกันกับปีก่อน โดยประเมินว่าค่าใช้จ่ายกันสำรองทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า และอัตราการเติบโตของ NII ยังไม่โดดเด่น แต่คาดว่ารายได้จากค่าธรรมเนียมและการบริการจะฟื้นตัวขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนกำไร
อย่างไรก็ตาม ประเมินว่ากำไรจากการลงทุนอาจจะเป็นตัวที่ทำให้ผลประกอบการแกว่งตัว โดยคาดการณ์กำไรจากการลงทุนคงที่ไว้ที่ปีละ 6 พันล้านบาทในปี 62 และ 63 ลดลงจาก 8 พันล้านบาทในปี 61 รวมทั้งผลตอบแทนจากสินเชื่อลดลงจากปีก่อน จึงปรับลดคาดการณ์กำไรปี 62 และ 63 ของ BBL ลงปีละ 6% แต่ยังคงแนะนำ “ซื้อ” และประเมินราคเป้าหมายไว้ที่ 227 บาท เนื่องจากผลประกอบการยังมีอัพไซด์จากค่าใช้จ่ายในการกันสำรองที่อาจปรับตัวลดลงจากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 2.19 หมื่นล้านบาท โดย BBL ตั้งเป้ากันสำรองไว้ที่ปีละ 2 หมื่นล้านบาท