บลจ.ไทยพาณิชย์ จ่ายปันผล 2 กองทุนหุ้นสหรัฐS&P 500-บิลเลี่ยนแนร์

65

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไทยพาณิชย์ หรือ SCBAM เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนหุ้นต่างประเทศ พร้อมกัน 2 กองทุนในวันที่ 26 มิ.ย.2562 นี้ ประกอบด้วย กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นยูเอส (SCBS&P500) สำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 ธ.ค.2561 – 31 พ.ค.2562 และกำไรสะสม ในอัตรา 0.2298 บาทต่อหน่วย ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 12 รวมจ่ายปันผล 3.0304 บาทต่อหน่วย (นับจากจัดตั้งกองทุนเมื่อ 18 ธ.ค. 2555)

และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ บิลเลียนแนร์ (SCBBLN) สำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 มิ.ย.2561 – 31 พ.ค. 2562 และกำไรสะสมในอัตรา 0.4392 บาทต่อหน่วย ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการจ่ายปันผลระหว่างกาลเมื่อวันที่ 25 ธ.ค.2561 ไปแล้วจำนวน 0.3322 บาทต่อหน่วย เหลือจ่ายงวดนี้ 0.1070 บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 6 รวมจ่ายปันผล 1.1787 บาทต่อหน่วย (นับจากจัดตั้งกองทุนเมื่อ 24 ก.ค. 2558)

“ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐและทั่วโลกปรับตัวอยู่ในเกณฑ์ดี จากการผ่อนคลายความกังวลของนักลงทุนต่างๆ ทั่วโลก โดยในสหรัฐฯ นั้นเริ่มกลับมาดีขึ้นภายหลังจากรายงานของนายโรเบิร์ต มุลเลอร์ อัยการพิเศษ ได้ข้อสรุปว่าไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินคดีกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในประเด็นของการแอบร่วมมือกับรัสเซียในการแทรกแซงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2016ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่ากระบวนการถอดถอนประธานาธิบดีนั้นก็มีความน่าจะเป็นลดน้อยลง ซึ่งในขณะเดียวกันก็ทำให้ความต่อเนื่องของโมเมนตัมในเรื่องของข้อตกลงทางการค้า (trade deal) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดโลกมีการปรับเพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ต้นปีนี้ตามไปด้วย

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกที่สำคัญคือท่าทีของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในประเด็นของการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ โดยการสื่อสารเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาเป็นการเน้นย้ำถึงจุดยืนของเฟดที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น จากการให้สัมภาษณ์ในลักษณะกลับลำหรือที่เรียกว่า mid-cycle pause นับเป็นครั้งที่ 4 ในรอบกว่า 30 ปีที่ผ่านมา โดยตลาดได้ปรับลดการคาดการณ์ถึงความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้ทิ้งทั้งหมด และได้เริ่มมีการคาดการณ์ถึงความเป็นไปได้ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงแทน โดยล่าสุดตลาดได้คาดว่ามีความเป็นไปได้ถึงประมาณ80% ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงภายในเดือนกรกฎาคมนี้” นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว

สำหรับแนวโน้มของตลาดหุ้นสหรัฐฯ จากนี้ไปนักลงทุนควรติดตามพัฒนาการของการเจรจาสงครามการค้าสหรัฐฯ และจีน (Trade War) อย่างใกล้ชิด ซึ่งล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยืนยันกำหนดการพบประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ในการประชุมนอกรอบ G20 ในช่วงวันที่ 28 – 29 มิถุนายนนี้ นอกเหนือจากนี้การปรับตัวของผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ฯ เริ่มที่จะสะท้อนให้เห็นถึงการเข้าสู่ช่วงปลายวัฎจักรเศรษฐกิจ (Late Cycle) ของเศรษฐกิจโลกที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น