ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.โปรเฟสชันแนล เวสต์ เทคโนโลยี (1999) หรือ PRO ให้บริการบำบัดและกำจัดของเสียอุตสาหกรรมแบบครบวงจร ทั้งกากอุตสาหกรรมแบบที่เป็นอันตรายและไม่เป็นอันตราย โดยนางสาววิไลลักษณ์ สกุลภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า หลังจากหุ้นของบริษัทจะได้รับการปลดเครื่องหมาย SP และกลับเข้ามาซื้อขายเป็นการชั่วคราวระหว่างวันที่ 1 -31 ก.ค.62 นี้ บริษัทมีแผนดำเนินธุรกิจให้เติบโตมั่นคงเพิ่มขึ้น โดยหลังจากเข้ามาถือหุ้นใหญ่ และบริหารงานได้ร่วม 5 ปี สามารถปรับปรุงธุรกิจให้เข้มแข็งและสร้างผลกำไรอย่างต่อเนื่อง โดยปี 60 บริษัทมีรายได้รวม 266 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 20 ล้านบาท ส่วนปี 61 มีรายได้รวม 274 ล้านบาท และกำไรสุทธิเพิ่มเป็น 33 ล้านบาท ขณะที่ในไตรมาส 1/62 บริษัทยังเติบโตต่อเนื่อง มีรายได้รวม 76 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 13 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/61 ทีมีกำไรสุทธิ 0.45 ล้านบาท
ทั้งนี้ ด้วยแนวทางการบริหารงานที่ทำให้ผลการดำเนินงานบริษัทมีรายได้และกำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่อง บริษัทมีแผนที่จะยื่นขออนุญาตนำหุ้นกลับเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์อย่างถาวรในปี 63 ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างจ้างที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (FA) เข้ามาช่วยดำเนินการภายในไม่เกินไตรมาส 1/63 นี้ หลังจากนั้นคาดใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่งในการพิจารณา และมีแผนทยอยล้างขาดทุนสะสมที่มีราว 779 ล้านบาท
ส่วนแผนดำเนินธุรกิจในปี 62 บริษัทตั้งเป้ามีรายได้รวม 300 ล้านบาท เติบโตกว่าปี 61 ที่มีรายได้ 274.39 ล้านบาท และตั้งงบลงทุนในแผนระยะสั้น จำนวน 80 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงโรงงานและเครื่องจักร ขณะเดียวกันมีแผนนำเทคโนโลยีแบบใหม่เข้ามาช่วยในการกำจัดขยะเพื่อเพิ่มมูลค่ามากขึ้น ซึ่งคาดจะเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/62
นายพลพิพัฒน์ ศรีสุวรรณ กรรมการบริหาร กล่าวว่า ธุรกิจหลักของ PRO คือ 1. การกำจัดกากอุตสาหกรรม ที่ไม่เป็นอันตรายและเป็นอันตราย ซึ่งใช้ระบบฝังอย่างปลอดภัยและถูกหลักสุขาภิบาล โดยมี ศูนย์บำบัดกากอุตสาหกรรม จังหวัดสระแก้ว พื้นที่ 918 ไร่ มีกำลังการผลิตการกำจัดกากอุตสาหกรรมแบบที่เป็นอันตราย 82,500 ตันต่อปี และมีกำลังการผลิตการกำจัดกากอุตสาหกรรมแบบที่ไม่เป็นอันตราย 330,000 ตันต่อปี 2. การนำของเสียมาใช้รีไซเคิล และ 3. ระบบบำบัดน้ำเสียที่เป็นอันตรายและไม่เป็นอันตราย จากหลุมฝังกลบและน้ำเสียจากกิจกรรมต่างๆในโรงงาน ซึ่งมีความสามารถในการบำบัดสูงสุด 70 – 125 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน
โดยบริษัทมีแผนและนโยบายในการพัฒนาและเพิ่มศักยภาพในการให้บริการ และในปี 61 มีการก่อสร้างอาคารห้องปฎิบัติการแห่งใหม่ เพื่อรองรับการวิเคราะห์กากอันตราย ซึ่งจะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นในอนาคต และมีแผนในการก่อสร้างโรงงานทำปุ๋ยและโรงงานทำอิฐบล็อกเพื่อนำกากอุตสาหกรรมบางชนิดให้สามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้อีก
นอกจากนี้ บริษัทคาดได้รับประโยชน์จากนโยบาย EEC ของรัฐบาลที่ส่งเสริมการลงทุนในภาคอุตสาหกรรม โดยมีโครงการเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเพื่ออนาคตของประเทศไทย ทำให้มีการเปิดโรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มมากขึ้นกว่า 20,000 โรงงาน ในเขตจังหวัด ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา สระแก้ว และ ปราจีนบุรี ทำให้บริษัทมีโอกาสได้งานเพิ่มมากขึ้น จากการเปิดโรงงานที่เพิ่มขึ้น
www.mitihoon.com
