มิติหุ้น – ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ร่วมกับสมาคมบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ จัดโครงการ SET Social Impact Gym 2019 เดินหน้าพัฒนาศักยภาพธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise: SE) สู่ความยั่งยืนต่อเนื่องเป็นปีที่ 3และปีนี้จะขยายผลลงพื้นที่ติวเข้ม SE ในภูมิภาคโดยใช้พลังการขับเคลื่อนร่วมกับภาคธุรกิจ ภาคการศึกษา และภาคสังคมในท้องถิ่น ภายใต้โปรแกรม N-E-S (North – E-san – South Impact Gym by SET) เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ดีและแก้ไขปัญหาทางสังคมในมิติที่ลึกและกว้างขึ้น
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ มุ่งพัฒนาตลาดทุนให้เป็นประโยชน์แก่ผู้เกี่ยวข้องในทุกมิติของสังคม ตอกย้ำวิสัยทัศน์ To Make the Capital Market “Work” for Everyone จึงได้ริเริ่มบทบาทการเชื่อมโยงภาคธุรกิจและภาคสังคมเพื่อเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืนภายใต้การดำเนินงานของแพลตฟอร์มดิจิทัล SET Social Impact ที่มุ่งให้เกิดการลงทุนเพื่อสังคม (Social Impact Investment) ที่ภาคธุรกิจสามารถนำทรัพยากรขององค์กรมาลงทุนโดยไม่หวังเพียงผลกำไร แต่มุ่งสร้างผลลัพธ์ที่ดีทางสังคมควบคู่กัน โดยโครงการ SET Social Impact Gym 2019 ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 อยู่ภายใต้การดำเนินงานของแพลตฟอร์มดังกล่าว เป็นโครงการที่ได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากจิตอาสาที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิในภาคตลาดทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ร่วมนำทรัพยากรที่เป็นองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญด้านการประกอบธุรกิจถ่ายทอดสู่ SE ให้เกิดความแข็งแกร่งและพัฒนาศักยภาพสู่ความยั่งยืน
โครงการ SET Social Impact Gym ที่ผ่านมา พัฒนาศักยภาพด้านการประกอบธุรกิจ (Entrepreneurship) สร้างความแข็งแกร่งให้แก่ SE แล้ว 32 ราย และกว่าครึ่งหนึ่งสามารถต่อยอดความร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัทจดทะเบียน สำหรับปีนี้มี SE ผ่านการคัดเลือกและได้เข้าร่วมโครงการ 14 ราย จากผู้สมัครกว่า 200 ราย ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาสังคมทั้งด้านสิ่งแวดล้อม การศึกษา สุขอนามัย การพัฒนาชุมชน และการสร้างโอกาสให้ผู้เปราะบาง ทั้งนี้ นอกเหนือจากโค้ชจิตอาสาที่เป็นผู้บริหารจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ 31 ท่าน ยังได้รวบรวมจิตอาสาที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ที่จำเป็นต่อการเป็นผู้ประกอบการเชิงสังคม ทั้งด้านการสร้างแบรนด์ การบริหารการผลิต และการออกแบบ ร่วมให้คำปรึกษาอย่างเข้มข้นตลอดระยะเวลา 3 เดือน ผ่านโปรแกรมเวิร์กชอปแบบตัวต่อตัวและมีพี่เลี้ยงตลอดโครงการ ซึ่งความพิเศษของปีนี้ นอกเหนือจากจำนวนโค้ชอาสาที่เพิ่มขึ้น โครงการยังออกแบบการพัฒนาศักยภาพที่เน้นการใช้เครื่องมือดิจิทัลสำหรับธุรกิจในช่วงเริ่มต้น โดยมี บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด ร่วมเป็นพันธมิตรในการริเริ่มและพัฒนานวัตกรรม เพิ่มศักยภาพการแข่งขันในยุคดิจิทัลเพื่อการจัดการและบริหารธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ และบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ที่มีพื้นที่การทำงานในส่วนภูมิภาคยังขยายผลโครงการ SET Social Impact Gym สู่ภูมิภาคภายใต้โปรแกรม N-E-S (North – E-san – South Impact Gym by SET) ด้วยแนวคิด การสร้างผู้ประกอบการในท้องถิ่นให้เข้มแข็งในท้องถิ่น (Local-to-Local Growth) อย่างยั่งยืน โดยใช้ศักยภาพของตลาดทุน ด้วยพื้นที่นำร่องเบื้องต้นในภาคเหนือ (จ. เชียงราย) และภาคอีสาน โปรแกรม N-E-S เป็นความร่วมมือกับพันธมิตรภาคธุรกิจ ภาคการศึกษา ภาคสังคม และสื่อมวลชนในท้องถิ่น โดยมีนักธุรกิจเพื่อสังคมในพื้นที่ร่วมเป็นหัวหอกในการขับเคลื่อน สร้างการเติบโตในภูมิภาค และแก้ไขปัญหาของท้องถิ่นควบคู่กันไป กล่าวคือเป็นการขับเคลื่อนการเติบโตแบบมีส่วนร่วม (Inclusive Growth) ด้วยศักยภาพของตลาดทุน
นางเอื้อมพร ปัญญาใส นายกสมาคมบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (maiA) กล่าวว่า maiA ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ส่งเสริมศักยภาพ SE ผ่านโครงการ SET Social Impact Gym มาตั้งแต่เริ่มต้น ในฐานะที่เป็นต้นแบบของธุรกิจ (Role Model) ขนาดกลางและเล็กที่มีมาตรฐาน มีความเป็นสากล และเป็นมืออาชีพในการเป็นผู้ประกอบการ โดยมีผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนร่วมเป็นโค้ชอาสา 31 ท่าน ครบทั้ง 8 กลุ่มอุตสาหกรรม มาถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ให้แก่ SE ซึ่งส่วนใหญ่มีความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม แต่ยังต้องการการเพิ่มศักยภาพด้านการประกอบธุรกิจ หาก SE เหล่านี้อยู่ได้อย่างมั่นคงก็จะสามารถช่วยเหลือสังคม สร้างผลลัพธ์ที่ดีทางสังคมได้ต่อเนื่องและยั่งยืน ดิฉันในฐานะนายกสมาคม maiA และผู้แทนโค้ชจากบริษัทจดทะเบียน รู้สึกยินดีที่ได้ร่วมสร้างผู้ประกอบการเพื่อสังคมรุ่นใหม่ และอีกด้านหนึ่งยังเป็นโอกาสได้เรียนรู้แนวคิดและการทำธุรกิจเพื่อสังคม ซึ่งถือเป็นกระบวนการเรียนรู้จากทั้ง 2 ฝ่าย สามารถนำไปสู่การต่อยอดทางธุรกิจร่วมกันในอนาคต