มิติหุ้น – NER ส่งซิกผลงานไตรมาส 2/62 น่าประทับใจ ล่าสุดเซ็นสัญญาซื้อขายยางแท่ง STR 20 เป็นเวลา 1 ปี กับลูกค้าจีนที่ย้ายฐานผลิตมาไทย รวม 1.2 หมื่นตัน/ปี แย้มเตรียมปรับเพิ่มเป้ารายได้ทั้งปี 62 หลังประกาศงบไตรมาส2 ปีหน้าลุยปั๊มยอดขายในประเทศเพิ่มเป็น70% โบรกฯ ชี้หุ้น P/E ถูก เพียง 7 เท่า แนะ “ซื้อ”
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ หรือ NER ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยางพาราธรรมชาติแปรรูป โดยนายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เผยว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/62 คาดรายได้เติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1/62 หลังปริมาณการขายเพิ่มขึ้น และล่าสุดบริษัทได้รับออเดอร์เพิ่มจากการตกลงทำสัญญาซื้อขายยางแท่งประเภท STR 20 กับลูกค้าจีนที่ย้ายฐานการผลิตมาไทยในปริมาณ 1,000 ตันต่อเดือน เป็นระยะเวลา 1 ปี เริ่มเดือน ต.ค.62 -ต.ค.63
อีกทั้งยังมีโอกาสได้รับออเดอร์จากลูกค้าจีนรายอื่นๆ ซึ่งเป็นลูกค้าเดิมที่ย้ายฐานผลิตมาไทยอีก 2 เจ้า ซึ่งปัจจุบันได้เริ่มเจรจาแล้ว คาดมีความชัดเจนปลายปี 62 นี้
จ่ออัพเป้ารายได้ปี 62
ทั้งนี้ ภายหลังจากปิดงบผลประกอบการงวดไตรมาส 2/62 บริษัทมีโอกาสที่จะปรับเพิ่มเป้าหมายรายได้จากเดิมที่คาดเติบโตได้ 30% หรือแตะ 1.35 หมื่นล้านบาท และมั่นใจอัตรากำไรสุทธิจะขยายตัวได้อย่างโดดเด่น ตามมาร์จิ้นต่อการขายที่มากขึ้น
“ขอดูความเคลื่อนไหวราคายางอีกประมาณครึ่งเดือน ปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 60 บาทต่อกิโลกรัม หากราคาไม่กลับเป็นขาลงชัดเจนบริษัทก็มีโอกาสปรับเป้าหมายรายได้ขึ้น ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ล่วงหน้าถึงไตรมาส 3/62 แล้ว” นายชูวิทย์กล่าว
ปีหน้าลุยขายในปท.เพิ่ม
อย่างไรก็ตาม บริษัทตั้งเป้าว่าภายในปี 63 สัดส่วนการขายในประเทศจะเพิ่มเป็น 70% จากปัจจุบันที่อยู่ราว 60% ของการขาย หลังโรงงานยางแท่งใหม่แล้วเสร็จ ซึ่งจะมีกำลังผลิตเพิ่มขึ้นราว 60% จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตที่ 287,200 ตัน/ ปี เพื่อรองรับคำสั่งซื้อลูกค้ายางล้อใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เนื่องจากโรงงานปัจจุบันใช้รับคำสั่งซื้อลูกค้าเดิม โดยบริษัทอยู่ระหว่างติดต่อลูกค้าใหม่เพื่อขยายตลาดและรองรับกำลังการผลิตใหม่ที่จะทยอยเพิ่มขึ้นในปีหน้า
นอกจากนี้ บริษัทยังได้เดินหน้าสนับสนุนในโครงการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ร่วมกับสถาบันการศึกษา เช่น มหาวิทยาลัยขลานครินทร์ และ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการต่อยอดผลิตภัณฑ์ในอนาคต โดยเป็นไปตามแผนหลังการขยายกำลังการผลิตแล้วเสร็จในช่วงปี 63 หลังจากนั้นจะเริ่มนำไปสู่การวางแผนการผลิตในขั้นตอนต่อไปแนะนำ “ซื้อ” เป้า 3.48 บ.
ด้านนักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ประเมินแนวโน้มธุรกิจ NER ทั้งปี 62 เติบโตต่อเนื่อง โดยได้รับผลบวกจากปริมาณการขายเพิ่มขึ้น และยังได้ส่วนเพิ่มจากราคาที่่ดีขึ้นด้วย ซึ่งบริษัทเริ่มขยายกำลังการผลิตยางแผ่นผสมได้ตั้งแต่ เม.ย. ที่ผ่านมา จำนวน 60,000 ตัน/ปี ทำให้กำลังการผลิตในปัจจุบันอยู่ที่ 227,200 ตัน/ปี อีกทั้งได้รับอานิสงส์จากลูกค้ายางล้อในจีนย้ายฐานผลิตมาไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทำให้ปริมาณการขายในประเทศเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากเงินบาทแข็งค่าด้วยเพราะขายในรูปเงินบาท
ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย บน P/E เพียง 7 เท่า หากเทียบกับการเติบโตของการดำเนินงาน และหุ้นในกลุ่มเดียวกัน และยังให้ผลตอบแทนเงินปันผลที่สูงราว 5-6% ต่อปี ดังนั้น คงแนะนำ “ซื้อ” ปรับราคาพื้นฐานเป็น 3.48 บาท