SMT แววโค้งหลังโตโดดเด่น เตรียมรับทรัพย์ ลูกค้ารายสำคัญ HUAWEI เริ่มกลับมาผลิตสินค้าอย่างเต็มกำลัง หนุนออเดอร์ไหลเข้า แย้มธุรกิจติดตั้งแผงโซลาร์ไปได้สวย เผยอยู่ระหว่างเจรจาหลายโครงการ คาดจะเห็นความชัดเจนเร็วๆนี้
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) หรือ SMT ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โดย “นายกรทักษ์ วีรเดชะ” ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน เผยว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/62 จะเติบโตต่อเนื่อง ทั้งจากไตรมาส 1/62 ที่มีกำไรสุทธิ 18.92 ล้านบาท รายได้รวมที่ 500.85 ล้านบาท และ ไตรมาส 2/61 ที่มีกำไรสุทธิ 12.13 ล้านบาท และรายได้รวมที่ 401.72 ล้านบาท
งบQ2เด่น-บุ๊กมาร์จิ้นสูง
เนื่องจากทุกธุรกิจเติบโตได้ดี โดยเฉพาะ “ธุรกิจ Fiber Optic” หรือ อุปกรณ์สำหรับการสื่อสารผ่านเส้นใยแก้วนำแสง ที่คิดเป็นสัดส่วน 29.75% ของรายได้รวม โดยปัจจุบันมีความต้องการสูงมาก ซึ่งบริษัทได้รับจ้างผลิตและประกอบอุปกรณ์สำหรับการสื่อสารผ่านเส้นใยแก้วนำแสง สำหรับการนำไปใช้ในศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ต (Data Center) และ การกระจายเสียงและการแพร่ภาพออกอากาศ (Broadcast) ซึ่งเป็นภาคธุรกิจที่ให้มาร์จิ้นสูงเฉลี่ย 30-70% จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้น
HUAWEIป้อนออเดอร์
อย่างไรก็ดี ผลประกอบการจะเติบโตโดดเด่นมากในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากช่วงที่ผ่นมาบริษัทได้เจรจากับลูกค้าใหม่ ทั้งจาก “ธุรกิจ Fiber Optic” และ “ธุรกิจประกอบและทดสอบแผงวงจรไฟฟ้ารวม (IC Packaging)” คิดเป็นสัดส่วน 64.54% ซึ่งจะเริ่มส่งมอบสินค้าในช่วงไตรมาส 3-4/62 นี้ โดยเฉพาะ ธุรกิจ IC Packaging จะได้รับออเดอร์เพิ่มขึ้นจากลูกค้ารายสำคัญ อย่าง HUAWEI เพราะจะเริ่มกลับมาผลิตสินค้าอย่างเต็มกำลังอีกครั้ง ด้านธุรกิจใหม่ อย่าง “ธุรกิจติดตั้งแผงโซลาร์” อยู่ระหว่างเจรจาลูกค้าหลายโครงการ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในเร็วๆนี้
ล่าสุดบริษัทเตรียมทุ่มงบ 100 ล้านบาท เพื่อสั่งซื้อเครื่องจักรใหม่ หวังเพิ่มกำลังผลิตรองรับความต้องการที่กำลังเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูง จากปัจจุบันมีกำลังผลิตรวม 2,570 ล้านชิ้น/ ปี แบ่งเป็น IC Packaging กำลังผลิตที่ 2,519 ล้านชิ้น/ ปี และ ชิ้นอิเล็กทรอนิกส์ (MMA) ที่ 51 ล้านชิ้น/ปี รวมถึงปรับปรุงประสิทธิการผลิตให้ดีขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดสูงพร้อมที่จะลงทุน
ปักธงรายได้โต40%
ส่วนทั้งปี 62 บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 2.4 พันล้านบาท เติบโต 40% จากปีก่อน เพราะมีปริมาณออเดอร์เข้ามามากขึ้นทั้งลูกค้าเก่าและใหม่ เนื่องจากบริษัทใช้กลยุทธ์ขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มอเมริกาตอนเหนือ แคนาดา ยุโรป เป็นต้น รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องด้วย