STC ยื่นไฟลิ่ง ขายไอพีโอ 148 ล้านหุ้น ระดมทุนใน mai หนุนแผนธุรกิจโตเด่น รับโอกาส EEC

268

มิติหุ้น-นางสุนิต วิสุทธิโกศล กรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานวาณิชธนกิจ – ด้านตลาดทุน บล. เคทีบี (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ของ บริษัท เอสทีซี คอนกรีตโปรดัคท์ จำกัด (มหาชน) หรือ STC ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตทุกประเภทภายใต้เครื่องหมายการค้า “STC” ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (Filing) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) ให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก จำนวน 148,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 26.06% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)

ปัจจุบัน STC มีทุนจดทะเบียน 284,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 568,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท เป็นทุนที่ออกและเรียกชำระแล้ว 210,000,000 บาท โดยเงินที่ได้จากการระดมทุน นำไปใช้เพิ่มศักยภาพธุรกิจให้แข็งแกร่งขึ้น พร้อมรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมงานก่อสร้าง งานวางท่อระบบระบายน้ำ งานนิคมอุตสาหกรรม และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี จังหวัดระยอง รวมถึงในภาคตะวันออกที่ขยายตัว และโอกาสใหม่ๆ จากโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

นายเอกชัย ชัยตระกูลทอง กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอสทีซี คอนกรีตโปรดัคท์(STC) เปิดเผยถึงแผน การเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคตว่า บริษัทเตรียมระดมทุนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมีแผนลงทุนในโรงงานนาวัง ระยะที่ 3 ซึ่งบริษัทฯ ได้เริ่มลงทุนโรงงานนาวังระยะที่ 1 เมื่อปี 2555 และได้มีการลงทุนต่อเนื่อง เพื่อขยายกำลังผลิตท่อระบายน้ำคอนกรีตเสริมเหล็ก และบ่อพักน้ำเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นจากนโยบาย EEC และต่อมาได้ลงทุนในระยะที่ 2 ซึ่งเริ่มผลิตท่อคอนกรีตเสริมเหล็กและบ่อพักน้ำ ทำให้ยอดขายและผลกำไรของบริษัทเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นจึงมีแผนลงทุนในระยะที่ 3 อีก เพื่อขยายกำลังการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการผลิตภัณฑ์คอนกรีตที่จะขยายตัวอย่างต่อเนื่องในอนาคต คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 120 ล้านบาท เพื่อซื้ออุปกรณ์และเครื่องจักร โดยจะมีกำลังการผลิตประมาณ 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน คาดว่าจะเริ่มลงทุนภายในปี 2564

ทั้งนี้ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ในปี 2559 – 2561) มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อยู่ที่ 366.01 ล้านบาท 372.46 ล้านบาท และ 379.54 ล้านบาทตามลำดับ ล่าสุด ผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2562 กำไรสุทธิ 8.92 ล้านบาท และมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 8.29% โดยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นสูงถึง 223.35% เมื่อเทียบกับงวดไตรมาส 1 ของปีก่อนอยู่ที่ 2.76 ล้านบาท และมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 3.11%

www.mitihoon.com