กรุงศรีคาดเงินบาทซื้อขายในกรอบ 30.60-30.90 จับตาเฟดแถลงนโยบาย มองกนง.ยังไม่ลดดอกเบี้ย

56

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาท ในสัปดาห์นี้ว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 30.60-30.90 ต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 30.66 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยระหว่างสัปดาห์เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 6 ปีอีกครั้ง ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย 1.02 หมื่นล้านบาท และ 1.30 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่เงินดอลลาร์แข็งค่าเทียบกับสกุลเงินสำคัญ ด้วยแรงหนุนจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาด แม้ว่าในช่วงต้นสัปดาห์ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ไร้ทิศทางชัดเจน ส่งผลกดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ลดลงต่อเนื่อง

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า จุดสนใจหลักของตลาดจะอยู่ที่การแถลงนโยบายของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ต่อสภาคองเกรสวันที่ 10-11 ก.ค. บันทึกการประชุมเฟด รวมถึงเงินเฟ้อสหรัฐฯ หลังจากข้อมูลตลาดแรงงานที่สดใสเกินคาดบ่งชี้ว่ามีโอกาสน้อยลงที่เฟดจะลดดอกเบี้ยถึง 0.50% ในการประชุมสิ้นเดือนนี้ ในขณะเดียวกันนักลงทุนคาดว่าหากรัฐสภายุโรปอนุมัติการเสนอชื่อคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เป็นประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) คนใหม่ตั้งแต่เดือนพ.ย.เป็นต้นไป ลาการ์ดจะคงท่าทีนโยบายแบบผ่อนคลายของอีซีบีต่อไป โดยการที่ผู้มีความเห็นสายเหยี่ยวอย่างเจนส์ วีดด์แมน ประธานธนาคารกลางเยอรมนีไม่ได้มารับตำแหน่งส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของหลายประเทศในเขตยูโรโซนทำสถิติต่ำสุดใหม่ ขณะที่การสานต่อนโยบายการเงินสายพิราบอาจจำกัดการฟื้นตัวของเงินยูโรในระยะถัดไป

สำหรับปัจจัยภายในประเทศ ธปท.คาดว่าจีดีพีในไตรมาส 2/2562 อาจขยายตัวต่ำกว่า 3% แต่ในครึ่งปีหลังมีโอกาสเติบโตได้ 3-4% จากภาคส่งออกและท่องเที่ยวที่คาดว่าจะฟื้นตัวเมื่อเทียบกับฐานที่ต่ำของปี 2561 ส่วนการที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ไม่ปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.เนื่องจากเห็นว่าเศรษฐกิจปีนี้จะขยายตัวได้ 3.3% ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ไม่ได้ย่ำแย่ อย่างไรก็ดี กนง.ยังไม่ปิดช่องในการลดดอกเบี้ยในอนาคต เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงด้านต่ำ ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนในช่วงครึ่งปีหลังมีทิศทางแผ่วลงและการส่งออกที่ชะลอตัวส่งผลต่อการจ้างงานในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องรวมถึงการลงทุนภาคเอกชน โดยเราประเมินว่ากนง.จะตรึงดอกเบี้ยที่ระดับ 1.75% ตลอดปีนี้ เพื่อเก็บกระสุนไว้สำหรับกรณีเศรษฐกิจซบเซามากกว่าที่คาด อนึ่ง แม้โอกาสที่กนง.จะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเริ่มมีมากขึ้นบ้างแต่ยังไม่ใช่กรณีฐานของเรา