คอลัมน์ KTBST Build Your Net Worth
คุณชาตรี โรจนอาภา รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์
บล. เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KTBST)
ตลาดหุ้นไทยเริ่มเคลื่อนไหวทรงตัวและปิดทำการในแดนลบบ้างให้เห็นต่อเนื่องแล้วนับตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และวันจันทร์ที่ผ่านมา SET Index ปิดทำการในแดนลบต่อเนื่องเช่นกัน ปิดตลาดที่ระดับ 1,731.03 ติดลบ -0.20 จุด (-0.01%) มูลค่าการซื้อขายเริ่มลดลงบ้าง สัปดาห์นี้ทิศทางตลาดหุ้นยังคงเคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญด้วยปัจจัยต่างประเทศที่ตลาดให้ความสนใจและติดตามดูกัน
ประเด็นสำคัญที่ค่อนข้างจะเป็นความกังวลและตลาดให้ความสนใจมากคือ การเจรจาการค้าของสหรัฐฯกับจีน ที่ยังไม่มีความคืบหน้า เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนในช่วงสั้นนี้ เพราะเวลานี้ยังไม่มีความชัดเจนออกมาว่ากำหนดเวลาที่ตัวแทนของสหรัฐฯกับจีนจะเจรจากันเมื่อใด แต่กลับมีข่าวออกมาอีกว่าสหรัฐฯเตรียมจะขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กจากประเทศจีนและเม็กซิโก ทำให้ตลาดหุ้นค่อนข้างจะสะเทือนกับข่าวนี้เข้าไปอีก โบรกเกอร์ต่างประเทศบางรายได้ปรับลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นลง เพราะเริ่มกังวลว่ากำไรของบริษัทในตลาดจะปรับตัวลงเพราะผลกระทบจากสงครามการค้า
ดังนั้นตลาดกำลังรอดูการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯในวันที่ 30-31 ก.ค. ว่า จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงหรือไม่ ซึ่งก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าความน่าจะเป็นจะออกมาทางไหน เพราะมีการประเมินกันว่าภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ณ ตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมรอบนนี้ อย่างไรก็ตามเมื่อมองไปที่ราคาหุ้นในปัจจุบันดูเหมือนจะเริ่มปรับตัวสะท้อนข่าวการลดอัตราดอกเบี้ยไปล่วงหน้าแล้ว ทำให้การประชุมในปลายเดือนนี้ตลาดจะจับตาดูถ้อยแถลงของประธาน Fed ว่าจะพูดถึงการลดอัตราดอกเบี้ยอย่างไรบ้าง และตลาดจะตอบรับอย่างไร..?
อีกประเด็นที่มีผลเกี่ยวข้องถึงกันคือ ราคาน้ำมันที่ได้แรงหนุนจากการคงกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกต่อไปอีก เป็นผลบวกต่อกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันและโรงกลั่น และหากการเจรจาการค้าของสหรัฐฯกับจีนจบลงเมื่อใด จะส่งผลบวกต่อราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์
สำหรับปัจจัยในประเทศ นอกเหนือจากเรื่องการเมืองที่ตลาดรับข่าวในเชิงบวกไปแล้ว ตลาดเริ่มมีการประเมินผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสที่ 2 เบื้องต้นหุ้นที่ KTBST คาดว่ากำไรไตรมาส 2 จะออกมาดี คือ CPF, TU, MTC และด้วยภาพรวมของตลาดในสัปดาห์นี้ที่มีแนวโน้มทรงตัว นักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอดูปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญ KTBST แนะนำนักลงทุนให้ระมัดระวังการลงทุน เน้นลงทุนในหุ้นที่มีกำไรตอบโตดีและมีความเสี่ยงน้อยรวมไปถึงหุ้นขนาดเล็กที่ยังปรับตัวขึ้นไม่มาก (laggard) รวมไปถึงหุ้นกลุ่มอสังหาฯ และตลาดหุ้นต่างประเทศอย่าง ตลาดหุ้นจีน , อินเดีย ที่ได้ปัจจัยหนุนจากการลงทุนในประเทศ
ติดตามข่าวสารการลงทุนได้จาก ”มุมความรู้” https://www.ktbst.co.th/th/knowledge.php