ระดับดัชนี SET index ในปัจจุบันที่ +1750 จุด เริ่มเป็นระดับที่ “ไม่ถูก” ตามที่เราเคยวิเคราะห์ไปก่อนหน้าแล้ว แต่เราประเมินว่าด้วยประเด็นข่าวบวกต่างๆในขณะนี้ ดัชนี SET index จะยังแกว่งตัว Sideway up ได้อยู่ เพียงแต่จะไม่ได้ปรับขึ้นแรงเหมือนเช่นก่อนหน้านี้ที่ Valuation โดยรวมของตลาดฯ “ไม่แพง” ดังนั้นจึงแนะนำกลยุทธ์ “เปลี่ยนตัวเล่น” โดยแนะนำขายทำกำไรหุ้นที่เคยขึ้นแรงก่อนหน้านี้ และอาจหมดข่าวดี หรือรับรู้ข่าวดีไปมากแล้ว เช่น หุ้นกลุ่มค้าปลีก, หุ้นกลุ่มนิคมฯ, หุ้นกลุ่มรับเหมาฯ, หุ้นกลุ่มสื่อสาร, หุ้นกลุ่มสื่อ เป็นต้น และ “เก็งกำไร” หุ้นกลุ่มที่ยัง Laggard เช่น หุ้นกลุ่มโรงกลั่น (TOP, IRPC: 2Q62 เป็นจุดต่ำสุด), กลุ่มธนาคารพาณิชย์ (SCB, BBL: Valuation ถูก + รับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ), กลุ่มลีสซิ่งตัวเล็ก (ECL, ASK: รับแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง) เป็นต้น ทั้งนี้เราประเมินดัชนี SET index สัปดาห์นี้ จะแกว่งตัวในกรอบ 1,720 – 1,765 จุด
อย่างไรก็ดีสำหรับ Upside ของ SET index ยังมีโอกาสที่จะกลับไปเทรดในระดับพรีเมี่ยมกว่าค่าเฉลี่ยได้ … ยกตัวอย่างเช่น การแกว่งตัวของ PE หรือ ราคาสินทรัพย์ใดๆ สามารถแกว่งตัวได้ในระดับที่ ต่ำกว่า / เท่ากับ / และ สูงกว่า ค่าเฉลี่ยเสมอๆ … ดังนั้นเราประเมินหากปลดล๊อกประเด็นต่างๆ เช่น เรื่องการลดดอกเบี้ยของเฟด, การยุติสงครามการค้า, คณะรัฐมนตรีใหม่พร้อมด้วยนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่เป็นรูปธรรม จะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนให้ นักลงทุนในตลาดลดส่วนชดเชยความเสี่ยงที่ต้องการจากการลงทุนในหุ้น หรือ Risk premium ลง ซึ่งผลก็คือ PE มีโอกาสปรับขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตได้ และ Earnings yield gap ก็มีโอกาสที่จะปรับลงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตได้เช่นกัน ในกรณี Best case เราประเมิน SET index มีโอกาสปรับขึ้นทดสอบระดับ 1,850 จุดได้ หากทุกเงื่อนไขเป็นบวกหมดพร้อมกัน (ณ 1,850 จุด Earnings yield gap จะคิดเป็น 3.8% เท่ากับจุดต่ำสุดของ Yield gap รอบก่อน) ดังนั้นเราแนะนำให้จับตาดูทั้ง 3 ประเด็น ที่กล่าวมาหากเงื่อนไขใดไม่สามารถปลดล๊อกได้ ในทางกลับกันก็อาจเป็นเหตุให้ตลาดหุ้นพักฐานได้เช่นกัน
โดยสุโชติ ถิรวรรณรัตน์ นักวิเคราะห์ บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)
www.mitihoon.com