มิติหุ้น- KTC ผลงานผ่านจุดต่ำสุดหลังไตรมาส2/62 ทำกำไร 1,323.27 ล้านบาท ต่ำกว่านักวิเคราะห์ เหตุเป็นช่วงโลว์ซีซั่น ด้าน“ชุติเดช ชยุติ” ลั่นงบครึ่งปีแรกไม่ขี้เหร่กำไรโต 15 % พร้อมมั่นใจทั้งปีกำไรโตเกิน 10 % รับผลดีต้นทุนการเงินต่ำที่ 2.8 % แถมอานิสงส์ดอกเบี้ยโลกลด โบรกให้เป้า 43 บาท
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) โดยนายชุติเดช ชยุติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส-คอร์ปอเรทไฟแนนซ์ เปิดเผยผ่านรายการ “ชี้ชัดลงทุน” ของมิติหุ้น ว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2562 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,323.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เติบโตลดลงจากไตรมาส1/2562 นอกจากนี้ยังถือว่าต่ำว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซั่นประกอบเป็นช่วงวันหยุดยาว และมีผลต่อการติดตามทวงหนี้ จึงทำให้มีการตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่มขึ้น
ปรับเป้ากำไรใหม่โต10-15 %
อย่างไรก็ดีหากดูงวด 6 เดือนบริษัทมีกำไรสุทธิ 2,913 ล้านบาท เติบโต 15-16 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากช่วง 6 เดือนที่ผ่านมายอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตถือว่าเติบโตที่ดีในระดับ 10 % สูงกว่าอุตสาหกรรมที่เติบโต 8 % เท่านั้น และสินเชื่อบุคคล (Personal loan) ใกล้เคียงอุตสาหกรรมที่เติบโต 8 % เช่นกัน ดังนั้นช่วงครึ่งปีหลังจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นทั้งยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล ดังนั้นทั้งปีบริษัทคาดว่าจะเติบโตเกิน 10 % จึงได้ปรับประมาณการณ์กำไรใหม่เติบโต 10-15 %
นายชุติเดช กล่าวต่อว่า ด้านต้นทุนทางการเงินของ KTC ณ ปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำอยู่แล้วที่ 2.8 % ลดลงจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 3 % สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทได้รับผลดีจากทิศทางดอกเบี้ยโลกปรับลง จึงส่งผลให้ส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ(NIM) ดีขึ้นอยู่ที่ระดับ 15.4 %
โบรกมองครึ่งหลังเด่น
ด้านบทวิเคราะห์ บล.ฟินันเซียไซรัส ระบุว่า KTC ได้ผ่านจุดต่ำสุดของปีไปแล้ว และกำไรช่วงครึ่งหลังจะดีกว่าช่วงครึ่งแรกซึ่งเป็นไปตามฤดูกาลที่ดีของธุรกิจบัตรและสินเชื่อบุคคล และคาดว่าหนี้สูญรับคืนจะกลับมาเป็นปกติ รวมถึงการตั้งสำรองฯยังมีแนวโน้มลดลง นอกจากนี้ยังคาดว่า CoF จะได้รับประโยชน์จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ จึงคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2562 ที่ 6.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.8 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกำไร ช่วงครึ่งแรกทำได้ 2.9 พันล้านบาท คิดเป็น 45% ของประมาณการกำไรของเราทั้งปี จึงประเมินราคาเหมาะสมปี 2562 ที่ 48 บาท/หุ้น