ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น”รายงานว่า บมจ.คัมเวล คอร์ปอเรชั่น หรือ KUMWEL ทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับระบบต่อลงดิน ระบบป้องกันฟ้าผ่า ระบบป้องกันเสิร์จ ระบบตรวจจับและเตือนภัยฟ้าผ่า ภายใต้ตราสินค้า KUMWELL โดย “บุญศักดิ์ เกียรติจรูญเลิศ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เผยว่า บริษัทจะทำกาาเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก ( IPO)จำนวน 130 ล้านหุ้น คิดเป็น 30.23 % ของจำนวนหุ้นสามัญที่ชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)หุ้นละ 0.50 บาท ราคาเสนอขาย 1.10 บ./หุ้น มูลค่ารวม 143 ล้านบาท โดยจะเสนอขายระหว่างวันที่ 24-26 กรกฎาคม 2562 คาดจะเข้าซื้อขายตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) วันที่ 1 ส.ค.นี้
โดยบริษัทจะนำเม็ดเงินที่ได้จากการขายหุ้น IPO จำนวน 130 ล้านหุ้น ราคาเสนอขาย 1.10 บ./หุ้น มูลค่ารวม 143 ล้านบ. นำไปก่อสร้างโรงงานสำหรับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มหลักดิน (Ground Rod) ที่โรงงานแห่งใหม่ที่อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี จำนวน 68 ล้านบ. คาดแล้วเสร็จช่วงไตรมาส 2/64,ปรับปรุงอาคารโรงงานเดิม อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี จำนวน 10 ล้านบ. คาดแล้วเสร็จปี 63 ,วิจัยและพัฒนาระบบและสินค้ารุ่นใหม่ จำนวน 8 ล้านบาท คาดแล้วเสร็จปี 63,ปรับปรุงและพัฒนาห้องทดสอบผลิตภัณฑ์ที่โรงงานแห่งเดิม อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี จำนวน 20 ล้านบ. คาดแล้วเสร็จไตรมาส 2/64 และ เงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ จำนวน 24.48 ล้านบ. คาดแล้วเสร็จไตรมาส2/64
“KUMWEL วางเป้าหมายให้องค์กรเป็น Smart Lighting Management ในการสร้าง Solution system ตอบโจทย์ให้แก่ลูกค้าทุกกลุ่ม สร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างมีศักยภาพ เพื่อรักษาความเป็นผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์ป้องกันและเตือนภัยฟ้าผ่าอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้เชื่อมั่นว่าภายหลังจากการระดมทุนในครั้งนี้จะทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักและสร้างความน่าเชื่อถือ อีกทั้งยังช่วยให้สังคมในวงกว้างรับรู้ถึงวิธีการบริหารความเสี่ยงจากการเกิดฟ้าผ่า ทำให้ระบบสื่อสาร ระบบผลิตของอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้รับความมั่นคง ซึ่งจะส่งผลดีต่อทุกภาคส่วน” นายบุญศักดิ์ กล่าว
นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปรแมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวเสริมว่า KUMWEL เป็นบริษัทที่มีความโดดเด่นในธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบต่อลงดินและป้องกันฟ้าผ่าอย่างครบวงจร ซึ่งการระดมทุนในครั้งนี้จะเป็นส่วนที่เสริมสร้างโอกาสทางธุรกิจและการเติบโตให้ KUMWEL ได้
นายเสกสรรค์ ธโนปจัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ KUMWEL กล่าวว่า KUMWEL เป็นบริษัทแรกที่ทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบต่อลงดินและป้องกันฟ้าผ่าอย่างครบวงจร ที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และเป็นผลิตภัณฑ์มีคุณภาพ อ้างอิงตามมาตรฐานสากล มีห้องปฏิบัติการเพื่อทดสอบผลิตภัณฑ์ของตัวเอง และมีแผนที่จะขอ การรับรองห้องปฏิบัติการตามมาตรฐาน IEC เพื่อออกใบรับรองระดับสากล มีผลิตภัณฑ์หลากหลายกว่า 2,500 รายการ
นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะแกนนำการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน กล่าวว่า KUMWEL เป็นบริษัทที่มีความพร้อมในการเติบโต โดยภายหลังการระดมทุนบริษัทจะสามารถรองรับการขยายตัวของตลาดผลิตภัณฑ์ระบบต่อลงดินและป้องกันฟ้าผ่าอย่างครบวงจรได้มากขึ้น อีกทั้งการลงทุนของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เป็นระบบขนาดใหญ่มีความจำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ระบบต่อลงดินและป้องกันฟ้าผ่าที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในอนาคต
สำหรับราคาหุ้น KUMWEL ที่เสนอขายให้กับนักลงทุนในราคา 1.10 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 17.94 เท่า กำไรสุทธิต่อหุ้นดังกล่าวคำนวณจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2561 ถึงวันที่ 31 มี.ค. 2562 ซึ่งมีกำไรสุทธิเท่ากับ 26.36 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญ ที่ชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ เท่ากับ 430 ล้านหุ้น (Fullly Diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.06 บาท ถือเป็นระดับราคาที่มีความน่าสนใจลงทุน เนื่องจากบริษัทมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี ทั้งโอกาสการเติบโตของผลประกอบการ ฐานะการเงินแข็งแกร่ง หนี้สินต่อทุนอยู่ในระดับต่ำ เพียง 0.34 เท่า และมีความพร้อมในการขยายธุรกิจรองรับการเติบโตในอนาคต ขณะเดียวกันยังมีนโยบายการจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังจากหักสำรองต่าง ๆ และโอกาสทางธุรกิจที่ดี เชื่อว่าการเปิดจองหุ้น IPO จะได้รับความสนใจและมีกระแสตอบรับที่ดี
โดยผู้จัดจำหน่ายหุ้น IPO ของ KUMWEL ร่วม 9 แห่ง ประกอบด้วย
บริษัทหลักทรัพย์ไอร่า จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน),บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด , บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)