IRPC ชี้ Q3/62ราคาน้ำมันดิบขยับ 60-67 เหรียญฯ –ส่วนธุรกิจปิโตรฯคาดความต้องการเม็ดพลาสติกทะลัก

657

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ. ไออาร์พีซี หรือ IRPC ทำธุรกิจปิโตรเลียม โดย “นายนพดล ปิ่นสุภา” กรรมการผู้จัดการใหญ่ เผยว่า ช่วงไตรมาส 2/62 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 506.93 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 4,049.57 ล้านบาท ลดลง 87% ขณะที่งวด 6 เดือนแรกของปี62 มีกำไรสุทธิ 659.85 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6,801.50 ล้านบาท หรือลดลง 90% โดยช่วง 6 เดือนแรกของปี 62 บริษัทมีรายได้จากการขายสุทธิจำนวน 111,976 ล้านบาท ลดลง 11% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน จากราคาขายเฉลี่ยที่ลดลงตามราคาน้ำมันดิบ โดยอัตราการกลั่นน้ำมันอยู่ที่ 203,000 บาร์เรลต่อวัน ลดลง 8,000 บาร์เรลต่อวัน เนื่องจากโรงงาน RDCC หยุดผลิตเป็นเวลา 28 วัน ในไตรมาส 1/62

ส่วนแนวโน้มตลาดน้ำมันดิบในช่วงไตรมาส 3/62 คาดว่าราคาน้ำมันดิบจะเคลื่อนไหวในกรอบ 60-67 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล โดยมีปัจจัยหนุนจากความร่วมมือในการขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตประมาณ 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน ของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกออกไปอีก 9 เดือน โดยจะสิ้นสุดในเดือนมี.ค. 63 และสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณช่องแคบฮอร์มุซ รวมถึงช่วงฤดูเฮอริเคนในสหรัฐฯ ที่อาจทำให้การผลิตน้ำมันดิบจากแหล่งผลิตในอ่าวเม็กซิโกลดลง

ส่วนแนวโน้ม “ตลาดปิโตรเคมี” ในช่วงไตรมาส 3/62 คาดว่าความต้องการเม็ดพลาสติกจะปรับตัวสูงขึ้นจากการยุติการเพิ่มมาตราการทางภาษีระหว่างสหรัฐฯ กับจีน หลังการประชุม G20 ในวันที่ 28-29 มิ.ย.62 ประกอบกับโรงกลั่นและปิโตรเคมีขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ในเท็กซัสเกิดไฟไหม้ซึ่งกระทบการผลิตผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์โดยตรง

รวมถึงการย้ายฐานการผลิตจากจีนมายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อลดผลกระทบของการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และภายในประเทศจีนเองก็มีการปรับตัวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหลังได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า ขณะที่ความต้องการผลิตภัณฑ์ลดลงในช่วงฤดูฝน รวมถึงกำลังการผลิตที่จะเพิ่มขึ้นจากโรงงานปิโตรเคมีขนาดใหญ่ในประเทศมาเลเซียที่จะเริ่มดำเนินการผลิตได้ในช่วงปลายปี และประเด็นการเพิ่มมาตรการทางภาษีหลังจากสหรัฐฯ กล่าวหาว่าจีนยังไม่ได้ซื้อสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นตามที่สัญญาเป็นปัจจัยกดดันราคาผลิตภัณฑ์

 

www. Mitihoon.com