คอลัมน์ KTBST Build Your Net Worth
คุณชาตรี โรจนอาภา รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์
บล. เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KTBST)
ภาพรวมทำการของตลาดในสัปดาห์นี้เริ่มต้นไม่ดีนัก ตลาดมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องสงครามการค้าของสหรัฐฯกับจีนอีกครั้ง โดยทั้งตลาดหุ้นสหรัฐฯและเอเชีย เกิดเทขายอย่างรุนแรงในวันจันทร์ (5 ส.ค.) หลังจากรัฐบาลจีนตอบโต้สหรัฐฯด้วยการลดค่าเงินหยวนลงสู่ระดับ 7 หยวนต่อ 1 ดอลลาร์ฯ เพื่อตอบโต้การขึ้นภาษีสินค้าของสหรัฐฯมูลค่า 3 แสนล้านบาท ทำให้ดัชนีดาวน์โจนส์สหรัฐฯ ร่วงลงอย่างหนักกว่า 700 จุดในวันจันทร์ที่ผ่านมา
เช่นเดียวกันตลาดหุ้นไทย ปิดตลาดทำการในวันจันทร์ (5 ส.ค.) SET Index ติดลบ -18.72 จุด หรือ -1.11% และต่อเนื่องในภาคเช้าของวันอังคาร เปิดตลาดปรับตัวลงไป 1% กว่า หลุดระดับ 1,650 จุด ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยอื่นที่กดดันตลาดเอเชียเพิ่มเข้ามาอีก ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์การชุมนุมในฮ่องกงที่ยังไม่สงบและเริ่มตรึงเครียดมากขึ้น รวมไปถึงข้อพิพาททางการค้าระหว่างเกาหลีใต้กับญี่ปุ่นด้วย
ดังนั้นภาพรวมของตลาดในช่วงสัปดาห์นี้ KTBST จึงคาดว่าตลาดสินทรัพย์เสี่ยงจะปรับตัวลงต่อเนื่องหากทั้ง 2 ประเทศยังมีการตอบโต้กัน และทำให้นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe haven) ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาลและทองคำ เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะยิ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นและค่าเงินในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ปรับตัวลงต่อเนื่องด้วย
ทั้งนี้จากประเด็นเรื่องสงครามการค้า ทำให้นักลงทุนต้องจับตาดูการประชุมธนาคารกลางของเอเชียในสัปดาห์นี้ โดยเริ่มจากการประชุมธนาคารกลางออสเตรเลียในวันที่ 6 ก.ค. คาดว่าจะยังคงดอกเบี้ยไว้ที่ 1% หลังจากที่ลดดอกเบี้ยลงอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา และในวันที่ 7 ส.ค. จะมีการประชุมธนาคารกลางอินเดีย KTBST คาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25% จากช่วงก่อนหน้าสู่ระดับ 5.5% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและชะลอผลกระทบจากการกวาดล้างธนาคารคารเงา (Shadow banking) ในช่วงที่ผ่านมาเพื่อควบคุมการปล่อยสินเชื่อของบริษัทขนาดใหญ่ที่ไม่ใช่ธนาคาร นอกจากนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายทางการเงิน (กนง.) ในวันที่ 7 ส.ค. คาดว่าจะยังคงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.75% หลังจากค่าเงินบาทเริ่มส่งสัญญาณอ่อนค่าตามภูมิภาค
สำหรับคำแนะนำการลงทุนในสัปดาห์นี้ ด้วยผลกระทบจากสงครามการค้ารอบใหม่ทำให้ นักลงทุนต้องระมัดระวังการลงทุน โดยเฉพาะหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า เช่น อิเล็คทรอนิคส์ , ธนาคาร , ปิโตรเคมี และชิ้นส่วนรถยนต์ และแนะนำ “ลดน้ำหนัก” การลงทุนในหุ้นลงเพื่อรอดูสถานการณ์ เนื่องจากมองว่าตลาดยังมีโอกาสปลับตัวลงอีกแม้หุ้นบางกลุ่มจะทิศทางที่ดีแต่อาจถูกขายเพื่อลดความเสี่ยง KTBST แนะนำลงทุนตราสารหนี้ที่อยู่ระดับน่าลงทุน หรือ Investment grade ขึ้นไป เพื่อลดผลกระทบจากการพักฐานของตลาดหุ้นในช่วงนี้ โดยประเมินว่าตลาดจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นหากผ่านพ้นช่วงจ่ายปันผลและทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ติดตามข่าวสารการลงทุนได้จาก ”มุมความรู้” https://www.ktbst.co.th/th/knowledge.php