มิติหุ้น –บมจ. ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) เผยผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2562 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2562 มีกำไรสุทธิ จำนวน 857.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 189.8% จากการให้บริการน้ำเพิ่ม และ โรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน กลับมาเดินเครื่องตามแผนบำรุงรักษา บริษัทฯ ระบุได้เตรียมแหล่งเงินทุนสำหรับการเข้าลงทุนในโครงการน้ำประปาในประเทศเวียดนามพร้อมแล้ว ในส่วนของธุรกิจ Solar Rooftop บริษัทมีการเซ็นต์สัญญา เพิ่มเติมใกล้ทะลุเป้าหมายของปีนี้ที่วางไว้ 15 MW และมุ่งหน้าขยายเป้าหมายเพิ่มเติม และในส่วนธุรกิจค้าปลีกก๊าซธรรมชาติในนิคมอุตสาหกรรม ดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 4 (WHA ESIE 4) รองรับการจัดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติได้ถึง 2,000,000 ล้านบีทียูต่อปี เปิดให้บริการในช่วงมิถุนายนที่ผ่านมา
นายวิเศษ จูงวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2562 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2562 บริษัทฯ มีรายได้รวม จำนวน 475.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.2% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนจำนวน 752.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 204.9% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เหตุผลหลักมาจากโครงการโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน ได้กลับมาดำเนินการผลิตเต็มประสิทธิภาพได้ตามแผนบำรุงรักษา พร้อมผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งตั้งแต่วันที่ 9 เดือนกุมภาพันธ์ 2562 กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 162.3 ล้านบาทในไตรมาส 2 ปี 2562 และโครงการโรงไฟฟ้ากัลฟ์ เอ็นแอลแอล 2 ที่เริ่ม COD ตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2562 โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 857.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 189.8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ (Normalized Net Income) ซึ่งเป็นการปรับด้วยกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 695.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.9% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
ส่วนผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2562 บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 934.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.5% เมื่อเทียบจากปีก่อน และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนจำนวน 1,091.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.5% เมื่อเทียบจากปีก่อน โดยในจำนวนนี้ประกอบด้วยกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 256.9 ล้านบาทใน 6 เดือนแรกปี 2562 โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิส่วนที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของจำนวน 1,281.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติของบริษัทฯ จำนวน 1,024.9 ล้านบาท มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 28.0% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
ด้านธุรกิจพลังงาน โครงการโรงไฟฟ้ากัลฟ์ เอ็นแอลแอล 2 มีกำลังการผลิตตามติดตั้งรวม 127 เมกกะวัตต์ หรือคิดเป็นกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 32 เมกะวัตต์ ได้เริ่ม COD ในเดือนมกราคม ปี 2562 และการทยอย COD ของโครงการ Solar Rooftop ส่งผลให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯ อยู่ที่ 554 เมกะวัตต์
ส่วนการลงทุนโครงการ Solar Rooftop ปัจจุบัน บริษัทฯ มีการเซ็นสัญญาใหม่ในปีนี้ทั้งหมด 13.9 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าทั้งปีจะทะลุเป้า 15.0 เมกะวัตต์ โดยมีโครงการที่ COD แล้วทั้งหมด 7.1 เมกะวัตต์ และมีโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างอีก 20.3 เมกะวัตต์ ซึ่งตามแผนจะทยอย COD ในไตรมาส 3/2562 –ไตรมาส 1/2563 อีกทั้งโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม ขนาด 8.6 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 4/2562
นอกจากนี้ธุรกิจค้าปลีกก๊าซธรรมชาติโครงการ ดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์น ซีบอร์ด เอ็นจีดี 4 ในนิคมอุตสาหกรรม ดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 4 ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เป็นที่เรียบร้อยในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งสามารถรองรับการจัดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติได้ถึง 2,000,000 ล้านบีทียูต่อปี และถือเป็นโครงการที่ 2 หลังจากประสบความสำเร็จในการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ธุรกิจค้าปลีกก๊าซธรรมชาติโครงการ ดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด เอ็นจีดี 2 ในช่วงปลายปี 2561
สำหรับภาพรวมธุรกิจบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าการขยายธุรกิจสาธารณูปโภคทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยในส่วนของการดำเนินการธุรกิจสาธารณูปโภคด้านน้ำล่าสุดบริษัทฯ ได้เซ็นต์สัญญาขาย Demineralized Water กับ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC โดยมีปริมาณการรับซื้อเริ่มต้นประมาณ 1.5 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี รวมทั้งยังมีการเซ็นสัญญาขายน้ำเพื่ออุตสาหกรรมกับบริษัท จีซี ออกซีเรน จำกัด (GCO) ผู้ผลิตและจำหน่ายโพรพิลีนออกไซต์ โดยมีความต้องการใช้น้ำที่ประมาณ 3.6 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี และบริษัท จีซี โพลีออลส์ จำกัด หรือ GC Polyols Company Limited (GCP) ผู้ผลิตและจำหน่ายโพลีอีเทอร์ โพลีออลส์ มีความต้องการใช้น้ำประมาณ 0.3 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี
สำหรับการเข้าลงทุนในโครงการน้ำประปาในประเทศเวียดนามซึ่งทางคณะกรรมการได้อนุมัติไปในวันที่ 8 สิงหาคม 2562 ที่ผ่านมานั้น การลงทุนในครั้งนี้ถือเป็นการเข้าลงทุนในโครงการน้ำภาคครัวเรือน–ขนาดใหญ่เป็นโครงการแรกของบริษัทฯ ซึ่งทางบริษัทฯ มองว่าการลงทุนในโครงการดังกล่าวมีศักยภาพในการเติบโตในอนาคตนอกเหนือจากกำลังการผลิตของโครงการที่เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วและที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยการเข้าลงทุนครั้งนี้ บริษัทฯ จะใช้กระแสเงินสดจจากการดำเนินของบริษัทฯ และเงินกู้ โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2562 บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนเท่ากับ 0.76 เท่าซึ่งเป็นระดับต่ำ