มิติหุ้น – ‘บมจ. พริมา มารีน’ หรือ (“PRM”) โชว์ความแข็งแกร่งรับธีม Growth Mode สะท้อนศักยภาพการดำเนินธุรกิจ หลังผลการดำเนินงานไตรมาส 2/62 ร้อนแรงต่อเนื่อง ทำรายได้รวม 1,268.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.6% และมีกำไรสุทธิ 303.7 ล้านบาท เติบโต 48.4% จากปัจจัยกลุ่มธุรกิจเรือ FSU ที่มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด และเรือขนส่งภายในประเทศที่มีอัตราการขยายตัวอย่างโดดเด่น หนุนผลงานครึ่งปีแรกของปีนี้ ทำกำไรสุทธิ 544.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54.8% ส่วนแผนงานครึ่งปีหลังมั่นใจผลงานเติบโตแข็งแกร่ง หลังไตรมาส 3/62 จะรับรู้รายได้จากกลุ่มเรือ FSU ครบทั้ง 8 ลำ
นายชาญวิทย์ อนัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) (“PRM”) ผู้ให้บริการขนส่งและจัดเก็บผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และปิโตรเคมีเหลวทางเรืออย่างครบวงจรรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เปิดเผยถึงภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส2/62 (เมษายน-มิถุนายน 2562) เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากบริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการขยายกองเรือ เพื่อรองรับความต้องการใช้บริการเรือขนส่งปิโตรเลียมที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้รายได้รวมทำได้ 1,268.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,106.3 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 303.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.36% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีกำไรสุทธิ 204.7 ล้านบาท
ทั้งนี้ มีปัจจัยมาจากการขยายธุรกิจเรือขนส่งในประเทศ ซึ่งรับรู้รายได้จากเรือใหม่ที่เข้ามาประจำการเพิ่มขึ้นเป็น 30 ลำ รวมถึงการรับรู้รายได้จากบริษัท บิ๊กซี (Big Sea) จำกัด ตามสัดส่วนการลงทุนที่ 70% ทำให้ธุรกิจดังกล่าวมีอัตราการเติบโตที่โดดเด่นถึง 40.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันในไตรมาส 2/62 นั้น PRM ยังรับรู้รายได้จากการขยายกองเรือ FSU หรือ เรือขนส่งและจัดเก็บสินค้าแบบลอยน้ำเพิ่มเติมอีก 1 ลำ รวมเป็น 6 ลำ โดยมีอัตราการใช้บริการเต็ม 100% และยังได้รับปัจจัยบวกจากอัตราค่าใช้บริการที่เพิ่มขึ้น หลังกลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมปิโตรเลียมมีความต้องการใช้บริการเรือดังกล่าวเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับกฎ IMO 2020 ในการใช้เชื้อเพลิงกำมะถันต่ำ ที่จะเริ่มบังคับใช้ในต้นปี 2563 อีกด้วย
จากผลการดำเนินงานดังกล่าว ส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงานในงวดครึ่งปีแรกของปีนี้ (มกราคม-มิถุนายน 2562) บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,457.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,124.7 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 544.2 ล้านบาท เติบโต 54.8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีกำไรสุทธิ 351.5 ล้านบาท
“ด้วยศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ PRM ที่มีความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ต้นปี 2562 ที่ผ่านมา สะท้อนมาถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/62 และครึ่งปีแรกของปีนี้ ที่เติบโตได้ทุกกลุ่มธุรกิจ โดยกลุ่มธุรกิจเรือ FSU และเรือขนส่งภายในประเทศเป็นกลุ่มธุรกิจหลักที่ช่วยผลักดันการเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นเครื่องยืนยันให้เรามั่นใจว่า ปีนี้จะเป็นปีแห่ง Growth Mode ของ PRM อย่างแน่นอน” นายชาญวิทย์ กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PRM กล่าวว่า ส่วนแนวทางการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ เชื่อมั่นว่าจะเติบโต 10-15% ได้ตามแผน โดยในไตรมาส 3/62 บริษัทฯ มีแผนให้บริการเรือ FSU เพิ่มขึ้นอีก 2 ลำ ส่งผลให้สามารถรับรู้รายได้รวมทั้งสิ้น 8 ลำ โดยเริ่มให้บริการในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม 2562 ตามลำดับ หลังจากตกลงซื้อเรือ FSU เข้ามาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะส่งผลดีต่อการรายได้จากกลุ่มธุรกิจดังกล่าวเพิ่มขึ้น พร้อมกันนี้ จะรับรู้รายได้จากเรือขนส่งภายในประเทศที่จะเข้ามาให้บริการเพิ่มเติมอีก 2 ลำ รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 32 ลำ ส่งผลดีต่อศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ PRM ให้มีความแข็งแกร่ง สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีความต้องการใช้เรือขนส่งปิโตรเลียมเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทฯ ยังมีมติอนุมัติเข้าซื้อหุ้น Big Sea เพิ่มขึ้นอีก 10% รวมเป็น 80% ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้และกำไรเพิ่มเติมได้ภายในไตรมาสนี้เป็นต้นไป ถือเป็นเป็นอีกปัจจัยที่สนับสนุนภาพรวมผลการดำเนินงานของ PRM ให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น