ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป หรือ TU ประกอบธุรกิจผลิตและส่งออกอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งและบรรจุกระป๋อง ธุรกิจอาหารสำเร็จรูป และธุรกิจอาหารสัตว์ โดยนายบัลลังก์ ไวยานนท์ ผู้จัดการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนปรับเป้ารายได้ปี 62 ใหม่ จากเดิมคาดเติบโต 3-5% เนื่องจากธุรกิจของบริษัทมีสัดส่วนยอดขายจากต่างประเทศเกือบ 90% และยอมรับช่วงที่ผ่านมาค่าเงินสกุลดอลล่าร์ฯ ยูโร และปอนด์ อ่อนค่ากว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งถือเป็นปัจจัยภายนอกที่บริษัทไม่สามารถควบคุมได้ และส่งผลต่อการเติบโตของรายได้
อย่างไรก็ตาม แผนดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทจะพยายามเน้นรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้เติบโตดีขึ้น จากช่วงครึ่งปีแรกมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับ 19.9% และ Net profit อยู่ในระดับ 2,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% ส่วนแนวโน้มต้นทุนราคาปลาทูน่าที่อยู่ระดับ 1,200 เหรียญฯ เชื่อว่ายังอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพและเชื่อว่ายังสามารถจัดการได้เป็นอย่างดี และบริษัทยังมีแผนออกสินค้าพรีเมียมมาร์จิ้นสู่ออกสู่ตลาดเพิ่ม
ส่วนกรณีปัญหาสงครามการค้ายอมรับว่ามีผลกระทบในแง่ยอดขาย เนื่องจากสัดส่วนยอดขายที่ส่งออกเกือบ 90% ไม่ใช้สกุลเงินบาท แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทยังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนใช้เงินลงทุนมูลค่า 24 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อใช้ก่อสร้างโรงกลั่นน้ำมันปลาทูน่าในต่างประเทศ เพื่อทดแทนโรงงานเดิมที่ถูกไฟไหม้ ซึ่งบริษัทได้ทำประกันอัคคีภัยไว้แล้วและคาดจะได้รับเงินชดเชยเต็มจำนวน ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัท และยังมุ่งมั่นเพิ่มมูลค่าของสินค้า โดยคาดโรงงานดังกล่าวจะเริ่มเดินเครื่องผลิตได้ในช่วงไตรมาส 3/63 แต่เบื้องต้นยังไม่สามารถระบุกำลังผลิตได้
