ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ราช กรุ๊ป หรือ RATCH โดยนายกิจจา ศรีพัฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เปิดเผยว่า แผนดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งหลังปี 62 บริษัทจะเน้นการลงทุนด้วยการซื้อกิจการที่มีรายได้แล้วเพื่อสร้างรายได้เข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งคาดในช่วงไตรมาส 3/62 นี้ จะได้ข้อสรุป M&A ธุรกิจพลังงาน ประมาณ 1-2 โครงการ กำลังการผลิตไม่ต่ำกว่า 100 เมกะวัตต์ โดยใช้งบลงทุนที่ตั้งไว้ปีนี้จำนวน 10,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีการใช้ลงทุนในโครงการยานดิน ไปแล้วราว 2,000-3,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายในปี 2566 จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งในประเทศและต่างประเทศรวม 9,222 เมกะวัตต์ และในปี 62 นี้ ตั้งเป้าหมายจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเชิงพาณิชย์ (COD) รวม 180 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันมี 2 โรงที่เดินเครื่องแล้ว ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์คอลลินส์วิลล์ 42.5 MW เริ่มเดินเครื่องแล้วตั้งแต่มี.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่โรงไฟฟ้าเบิกไพรโคเจนเนอเรชั่น 34.73 MW เดินเครื่องแล้วตั้งแต่มิ.ย.ที่ผ่านมา ส่วนโรงไฟฟ้าพลังน้ำเซเปียนเซน้ำน้อย 102.5 MW คาดว่าจะ COD ได้ในช่วง ธ.ค.62 นี้
ขณะเดียวกัน บริษัทตั้งเป้าหมายในปี 66 จะมีสัดส่วนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานประมาณ 20% จากปัจจุบันน้อยกว่า 5% ซึ่งการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานนั้น จะเน้นการลงทุนโครงการ PPP ของภาครัฐ อาทิ รถไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างรอ TOR ที่คาดจะออกช่วงปลายปีนี้ ในส่วนรถไฟฟ้าสายสีส้มฝั่งตะวันตก และสายสีเทา วงเงินไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท และงานมอเตอร์เวย์ ในส่วนบางปะอิน-โคราช และเส้นบางใหญ่-กาญจนบุรี ระยะทาง 196 กิโลเมตร
นอกจากนี้ สนใจลงทุนงานระบบการจัดการพลังงานในนิคมอุตสาหกรรม รวมถึงงานโครงข่ายโทรคมนาคม ซึ่งที่ผ่านมาได้ลงทุนไฟเบอร์ออฟติกร่วมกับ TOT และอยู่ระหว่างดำเนินการให้เชื่อมต่อกับนิคมฯ ต่างๆ รวมทั้งสนใจลงทุนระบบน้ำปะปาในอาเซียนด้วย ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจา โดยบริษัทประเมินว่าการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัทมากขึ้น