มิติหุ้น –ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แบบต่ออายุได้เพื่อธุรกิจโรงแรมและสิทธิการเช่า ‘สตราทีจิก ฮอสพิทอลลิตี้’ หรือ SHREIT ประกาศผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2562 มีรายได้ 201.76 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิ 81.33 ล้านบาท พร้อมประกาศจ่ายประโยชน์ตอบแทนจากผลการดำเนินงานไตรมาส2/62 ให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ SHREIT ในอัตรา 0.19 บาทต่อหน่วยลงทุน คาดสามารถสรุปการซื้อทรัพย์ใหม่ได้เร็วๆ นี้
นายปธาน สมบูรณสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ อินเวสท์เตอร์ส จำกัด ผู้จัดการกองทรัสต์อิสระที่บริหารโดยมืออาชีพ ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ SHREIT เปิดเผยว่า กองทรัสต์ SHREIT ได้รายงานผลการดำเนินการในครึ่งปีแรกของปี 2562 มีรายได้รวมอยู่ที่ 201.76 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 81.33 ล้านบาท โดยสินทรัพย์ของกองทรัสต์ ได้แก่ โรงแรม IBIS Saigon South และโรงแรม Capri by Fraser ในเมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม มีการเติบโตของรายได้ต่อห้องพักต่อคืน (RevPAR) อย่างต่อเนื่องและสูงกว่าในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่สินทรัพย์ในอินโดนีเซียนั้น หลังการเลือกตั้งประธานาธิปดี และสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลาย ก็มีการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งคาดว่าผลการดำเนินงานทั้งปีจะยังเป็นไปตามเป้าหมาย
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ จึงมีมติอนุมัติจ่ายประโยชน์ตอบแทนจากงวดผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2562 ให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์SHREIT ในอัตรา 0.19 บาทต่อหน่วยลงทุน โดยมีกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 28 สิงหาคม 2562 และกำหนดจ่ายผลประโยชน์ตอบแทน วันที่ 20กันยายน 2562 และหากรวมกับประโยชน์ตอบแทนในไตรมาส 1/62 อีก 0.19 บาทต่อหน่วยลงทุน ทำให้ ณ ครึ่งปีแรกของปีนี้ กองทรัสต์ SHREIT ได้จ่ายผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยไปแล้วรวมทั้งสิ้น 0.38 บาทต่อหน่วยลงทุน
กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ อินเวสท์เตอร์ส จำกัด กล่าวว่า “แนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าสินทรัพย์ที่กองทรัสต์เข้าลงทุนจะมีผลการดำเนินงานเติบโตได้ดีทั้งในประเทศเวียดนามและอินโดนีเซีย โดยล่าสุดประเทศอินโดนีเซียได้รับการปรับอันดับเครดิตเรทติ้งของ S&Pจากระดับ BBB – เป็น BBB ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นในระดับสากลให้กับนักลงทุนที่ต้องการเข้ามาลงทุนในประเทศได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ กองทรัสต์ SHREIT ยังอยู่ในระหว่างศึกษาการลงทุนในสินทรัพย์ ในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มเติม โดยเฉพาะในประเทศซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนในการลงทุนได้ในระดับสูง ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของกองทรัสต์ SHREIT ที่ต้องการเพิ่มขนาดสินทรัพย์ อันจะนำมาซึ่งศักยภาพในการบริหารงานของกองทรัสต์ รวมถึงช่วยกระจายความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนได้อย่างเต็มที่จากการขยายตัวของเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียน