นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/62 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 426 ล้านบาท เติบโต 140% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 945 ล้านบาท เติบโต 111% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
อีกทั้งในช่วงไตรมาส 2/62 บริษัทยังมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อม (EBITDA) อยู่ที่ 1,359 ล้านบาท เติบโต 53% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมี EBITDA อยู่ที่ 2,794 ล้านบาท เติบโต 52% จากช่วงเดียวกันของปี เพราะว่าบริษัทมีปริมาณการขายน้ำมันที่เติบโต ค่าการตลาดที่เหมาะสม การผลักดันธุรกิจ Non-Oil อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมาตรการการลดค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ
ในส่วนของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันทั้งหมดในครึ่งปีแรกของปี 2562 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 2,311 ล้านลิตร เติบโต 20% จากช่วงเดียวกันปีก่อน รวมทั้งปริมาณการจำหน่ายน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ตามการขยายสาขาของสถานีบริการน้ำมัน และการจำหน่ายน้ำมันต่อสถานีที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 1/62 ปัจจุบัน บริษัทมีจำนวนสถานีบริการน้ำมันและแก๊ส LPG ทั้งสิ้น 1,953 สถานี
ขณะเดียวกันบริษัทคาดว่าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันในครึ่งปีหลังยังมีแนวโน้มที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบริษัทเข้ามาขยายการให้บริการในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และหัวเมืองใหญ่เพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทคาดว่าผลกระทบจากฤดูกาลในช่วงไตรมาส 3 น่าจะลดลง เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีการใช้น้ำมันตระกูลเบนซินที่มีสัดส่วนใกล้เคียงกับน้ำมันดีเซล นอกจากนี้บริษัทยังมีการขยายสาขา และสร้างความรับรู้ในแบรนด์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยผลักดันยอดขายในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจจากการขนส่ง และการเดินทางท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้บริษัทยังได้ปรับแผนการลงทุนให้สอดคล้องกับภาวะตลาดค้าปลีกน้ำมัน ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปรับแผนเงินลงทุนเป็น 4,000-4,500 ล้านบาท จากเดิม 3,500 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันให้เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับแนวโน้มค่าการตลาดที่อยู่ในระดับปกติ ทำให้บริษัทเห็นโอกาสในการลงทุน โดยการขยายสถานีบริการจะเน้นขยายในรูปแบบ Flagship เพื่อสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งและเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น ซึ่งในปัจจุบันจำนวนสาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีการเติบโต 6.80% จากปีที่แล้ว โดยเงินทุนที่นำมาใช้เพื่อการขยายการลงทุนดังกล่าว ซึ่งจะมีแหล่งเงินทุนมาจาก EBITDA ที่คาดว่าจะเติบโต 40-50% จากปีที่แล้ว หรือ EBITDA อยู่ที่ 4,900-5,250 ล้านบาท