นักวิเคราะห์ บล.จีเอ็มโอ-แซด คอม ประเมิน แนวโน้มธุรกิจ WP จากแนวทางการเติบโตด้วยการลงทุนต่อเนื่อง และมีปัจจัยหนุนจำนวนมาก โดยเฉพาะกระแสเงินสดล้นมือ ค่าใช้จ่ายด้านการตลาดมีแนวโน้มลดลง และคาด WP จะสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องจากแนวทางการศึกษาหาโอกาสในธุรกิจใหม่ๆในอุตสาหกรรม LPG ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่ราว 4.2 EBITDA/หุ้น แม้ว่าจะอยู่ในอุตสาหกรรมที่เติบโตต่ำ แต่อย่างไรก็ตาม คงแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเหมาะสมที่ 9.60 บาท อิง PER 15 เท่า
ด้านนักวิเคราะห์แห่งหนึ่ง ประเมินพื้นฐานของ WP ไว้ที่ระดับ 9.00 บาท โดยมองว่า ผลประกอบการไตรมาสที่ 3/2562 มีแนวโน้มสดใส เนื่องจากเข้าสู่ระยะ high season ของธุรกิจ อีกทั้งยังบันทึกกำไรจากการขายที่ดินเข้าอีก 90 ล้านบาท เมื่อรวมกำไรจากกิจการปกติ คาดว่าจะเป็นไตรมาสที่มีกำไรสูงสุดไม่น้อยกว่า 160 ล้านบาท ทุบสถิติ ส่วนไตรมาส 4/2562 จะมีข่าวดีเรื่องควบกิจการ
ครึ่งหลังนิวไฮ
สำหรับครึ่งปีหลังของปี 2562 จะดีขึ้นมาก คาดว่ากำไรทั้งปีลุ้น new high กว่า 320 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้ค่าพีอีเหลือไม่ถึง 10 เท่า และ เป้าหมายทางพื้นฐานไม่ต่ำกว่า 9.00 บาท
ด้านนายนพวงศ์ โอมาธิกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงินและบริหารองค์กร บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ WP กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า แผนที่จะเข้าไปควบรวมกิจการโรงงานผลิตและซ่อมถังแก๊ส โดยใช้งบประมาณ 100 ล้านบาท คาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงไตรมาส 3/2562 และแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 4/2562 นี้ ทั้งนี้หากแล้วเสร็จคาดว่าจะช่วยลดต้นทุนการผลิตและการซ่อมถังได้ประมาณ 20% โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีถังแก๊ส 6-7 ล้านใบ
“ ปีนี้เราตั้งเป้ายอดขายก๊าซหุงต้ม ปี 2562 เติบโต 3% หรือมีปริมาณขายอยู่ที่ 840,000 ตัน จากปีก่อนอยู่ที่ 817,000 ตัน ซึ่งในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้บริษัทมียอดขายก๊าซแล้วประมาณ 250,000 ตัน” นายนพวงศ์กล่าว
บันทึกกำไรพิเศษขายที่ดิน
อย่างไรก็ดีบริษัทจะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายที่ดินบริเวณ ถนนเจริญราษฎร์ ซึ่งเป็นที่ดินที่บริษัทฯ ถือครองมาเป็นเวลานาน ได้ขายประมูลราคาไม่ต่ำกว่า 130 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสรุปผลชัดเจนในไตรมาส 3/2562 นี้เช่นกัน
นอกจากนี้บริษัทยังเดินหน้าที่จะขยายธุรกิจใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยได้เข้าศึกษาเพื่อลงทุนในธุรกิจโซล่าเซลล์ร่วมกับพันธมิตรในประเทศประมาณ 2-3 โครงการ
อย่างไรก็ตามบริษัทตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าปีนี้น่าจะกลับมาจ่ายปันผลได้อีกครั้ง ซึ่งเป็นการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นครั้งแรกในรอบมากว่า 10 ปี เนื่องจากบริษัทล้างขาดทุนสะสมได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/2562 ที่ผ่านมาแล้ว ขณะที่กลับมามีกำไรสะสมราว 11 ล้านบาทตั้งแต่ไตรมาส 1/2562 จากสิ้นปีก่อนที่ขาดทุนสะสม 58 ล้านบาท