มิติหุ้น-5 ทีมสตรีทฟู้ดที่ได้รับรางวัล “GSB Street Food เปลี่ยนชีวิต” (กล้าคิด ชีวิตเปลี่ยน)รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ทีม “ซดเตี๋ยวเป็ดตุ๋น” ได้รับเงินรางวัล 1,000,000 บาท
ทีม 3 แม่ลูก ครอบครัวสมเสงี่ยม นายสุรเดช สมเสงี่ยม / สิริทัศน์ สมเสงี่ยม และอุไร สมเสงี่ยม เดิมขายฟู้ดทรัค บริเวณหน้าศาลเจ้าวัดแจ้ง สี่แยกเต็กฮะ จังหวัดนครราชสีมา จากก๋วยเตี๋ยวเป็ดตุ๋นริมทาง มีไอเดียกล้าเริ่มที่ต้องการพัฒนาซดเตี๋ยวเป็ดตุ๋นรุ่นพ่อที่สืบทอดมานานกว่า 40 ปี ให้มีสารอาหารโปรตีนเพิ่มเติม จึงนำคำแนะนำของคณะกรรมการในรอบออดิชั่น มาพัฒนาไอเดียในรอบอัปเกรดแคมป์ ด้วยการเทรนของโค้ช มกร เชาว์วาณิช นักออกแบบรางวัลระดับโลก ที่ช่วยให้เกิดการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ “เส้นก๋วยเตี๋ยวจิ้งหรีดสายรุ้งไฮโปรตีน” ที่ไม่ใช่เส้นก๋วยเตี๋ยวธรรมดา แต่เป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวที่มีส่วนผสมจากผงโปรตีนที่ทำมาจากจิ้งหรีด ซึ่งมีโปรตีนสูง มีคุณภาพ เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย โดยพัฒนาควบคู่กับการวางระบบแฟรนไชส์ซดเตี๋ยวเป็ดตุ๋น พร้อมต่อยอดผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่อัปเกรดจากจิ้งหรีด เช่น ขนม Jumper ขนมข้าวเกรียบจิ้งหรีดออร์แกนิก ที่มียอดสั่งซื้อทั้งไทยและต่างประเทศ “ซดเตี๋ยวเป็ดตุ๋น” จากไอเดียกล้าเริ่มต้นทุนเพียง 50,000 บาท ปัจจุบันได้พัฒนาและต่อยอดธุรกิจเป็นบริษัท MIP : Ministry of Insects Protein ก้าวสู่รายได้หลักล้านต่อไป ทั้งนี้หลังจากได้รับรางวัลรวม 1 ล้านบาทแล้ว ได้นำทุนกล้าเริ่มจำนวน 300,000 บาท ไปพัฒนาพื้นที่สตรีทฟู้ดศาลเจ้าวัดแจ้ง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นพื้นที่ขายของทีมซดเตี๋ยวเป็ดตุ๋น
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ ทีม “บ้านสวนมันตึงดี” ได้รับเงินรางวัล 300,000 บาท
สตรีทฟู้ดประเภทเครื่องดื่มรายเดียวที่สามารถผ่านเข้ามาถึงรอบสุดท้าย โดย จุฬารัตน์ ต๊ะบุญเรือง เจ้าของไร่มันตึงดี ของครอบครัวเกษตรกรเล็กๆ จังหวัดลำปาง ใช้เวลาเกือบ 5 ปี พัฒนามันม่วงราคาถูกกลายเป็นน้ำมันม่วง แต่ความตั้งใจที่จะต่อยอดความพิเศษของมันม่วงและพัฒนาน้ำมันม่วงให้เป็นเมนูหลักของเครื่องดื่มในร้านทั่วประเทศ จึงสมัครเข้าร่วมรายการ ซึ่งจากการเรียนรู้และพัฒนาจนผ่านเข้ารอบสุดท้าย โดยมีโค้ชพี่กบ อบอร่อย ดวง นิพิฐวรินทร ช่วยอัปเกรดผลิตภัณฑ์น้ำมันม่วงบ้านสวนมันตึงดีให้มีความหลากหลาย สู่ผลิตภัณฑ์มันห้างฉัตร ผงมันม่วงนวัตกรรมใหม่สูตรเฉพาะ ที่เป็นวัตถุดิบหลักและเบเกอรี่ยุคใหม่ ได้แก่ ไอศกรีมมันม่วง น้ำมันม่วง บราวนี่มันม่วง แป้งเครปมันม่วง กลีบลำดวนมันม่วง เป็นต้น
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ ทีม “กะเพราซาวห้า” ได้รับเงินรางวัล 100,000 บาท
จากวิศวกรหนุ่มและกลุ่มเพื่อน พงษ์พนัส มังคละคีรี, ธิติพงษ์ กนกพินิต และ ทศพล สร้อยมุข ที่ต้องการสร้างธุรกิจเล็กๆขึ้นมา โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากคำพูดเชิงนโยบายเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรีที่ว่า “ของไม่ได้แพง พวกคุณขายของกันแพงเอง” จึงเกิดเป็น “กะเพราซาวห้า” เมนูผัดกะเพราธรรมดาที่ไม่ธรรมดา แต่รสชาติอร่อย จัดจ้าน คัดสรรวัตถุดิบอย่างดี ขายในราคาไม่แพง เพียง 25 บาทเท่านั้น แต่สามารถกลายเป็นแฟรนไชส์กะเพราซาวห้า กับนวัตกรรมน้ำมันกะเพราสูตรพิเศษ ควบคู่กับการยกระดับมาตรฐานแฟรนไชส์ให้วงการสตรีทฟู้ด ด้วยการอัปเกรดรถเข็นโซล่าเซลล์รักษ์โลกต้นแบบคันแรกของไทย รวมถึงผลการเติบโตในด้านธุรกิจที่เกิดขึ้นจริง
รางวัลชมเชย 2 ทีม ได้รับเงินรางวัล ทีมละ 50,000 บาท ได้แก่
ทีม “ผัดไทยภูเขาไฟ”
2 ทายาทผัดไทในตำนานเมืองบุรีรัมย์ ณัฐพัชร์ ล้อธีรพันธ์ และพีรณัฐ พรหมรินทร์ ได้นำความรู้การพัฒนาสตรีทฟู้ด 4 มิติ มาช่วยต่อยอดจากผัดไทสูตรดั้งเดิม เป็นผัดไทภูเขาไฟไข่ม้วน (Let’s go) รูปแบบใหม่ รับประทานง่าย และสามารถพกพาได้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ พร้อมยังต่อยอดการสั่งซื้อในระบบดิลิเวอรี่ สร้างการกระจายรายได้สู่ชุมชน
ทีม “สตรีทลาบ”
กฤชกร แก้วเมือง เจ้าของฟู้ดทรัคร้านสตรีทลาบ ย่านถนนนิมมานเหมินทร์ จังหวัดเชียงใหม่ กับความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาอาหารเหนือสู่สากลต่อยอดเชิงพาณิชย์ ด้วยการนำอาหารเหนือมาประยุกต์ กลายเป็นโรลไส้อั่ว รสชาติจัดจ้าน แต่ทานง่ายพอดีคำ พร้อมอัปเกรดโรลเมืองเหนือและดิปปิ้งล้านนา พัฒนาน้ำพริกหนุ่มและน้ำพริกตาแดงสู่ดิปปิ้งอินเตอร์ จากฟู้ดทรัคสู่แบรนด์สตรีทลาบที่พร้อมจะเติบโตต่อไป