“ORI” เผย 5 ปัจจัยบวกเสริมแกร่งธุรกิจครึ่งปีหลัง ตอกย้ำตัวเลขยอดขาย-รายได้ตามเป้า

130

มิติหุ้น – “ออริจิ้น” เผย 5 ปัจจัยบวกช่วยขับเคลื่อนธุรกิจช่วงครึ่งปีหลัง ชี้การจัดตั้งรัฐบาลช่วยสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนเพิ่มกำลังซื้อผู้บริโภค แย้มมีโครงการรอเปิดตัวมากกว่า 10 โครงการ มูลค่ากว่า 17,800 ล้านบาท แถมตุนยอดขายรอรับรู้รายได้อีกกว่า36,000 ล้านบาท เน้นพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มลูกค้า พร้อมตอกย้ำการเติบโตด้วยพันธมิตรรายใหม่ เชื่อมั่นปีนี้ยอดขาย 28,000 ล้านบาท และรายได้รวม 19,000 ล้านบาท เป็นไปตามเป้าแน่นอน

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถสร้างผลประกอบการเติบโตได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากมีปัจจัยบวกถึง 5 ข้อที่ส่งผลดีต่อภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจของบริษัท ได้แก่ 1.ปัจจัยทางการเมือง เนื่องจากมีรัฐบาลใหม่เข้ามาผลักดันนโยบายต่างๆ ให้เกิดความต่อเนื่องอย่างเป็นรูปธรรม อาทิ โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ส่งผลให้นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศมีความเชื่อมั่นเพิ่มมากขึ้น เม็ดเงินสะพัดไปยังภาคธุรกิจต่างๆ เพิ่มกำลังซื้อให้กับผู้บริโภค

2.ปริมาณการเปิดตัวโครงการใหม่ของผู้ประกอบการ ภาพรวมผู้ประกอบการมีแนวโน้มเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง มากกว่าครึ่งปีแรก ซึ่งจะช่วยให้ภาพรวมตลาดมีความคึกคักมากขึ้น สำหรับบริษัทเอง มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังมากกว่า 10 โครงการ รวมมูลค่าโครงการไม่น้อยกว่า 17,800 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการคอนโดมิเนียมเจาะตลาดวัยรุ่นแบรนด์ดิ ออริจิ้น (The Origin) 5 โครงการ โครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรีแบรนด์พาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN) 1 โครงการ โครงการบ้านจัดสรรแบรนด์บริทาเนีย (Britania) อีก โครงการ นอกจากนี้ บริษัทยังมีธุรกิจโรงแรมที่จะเริ่มเปิดให้บริการ (Soft Launch) 2 แห่งในช่วงปลายปีนี้

3.ความแข็งแกร่งของยอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 62 ที่กว่า  36,000 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องจนถึงปี 2565 4.ความสามารถในการพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ผู้บริโภค บริษัทมุ่งเน้นพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าอย่างชัดเจน อาทิ การเปิดตัวคอนโดมิเนียมแบรนด์น้องใหม่อย่าง ดิ ออริจิ้น (The Origin) ที่เจาะกลุ่ม First Jobber และ First Condo Buyer เน้นการออกแบบเพื่อคนรุ่นใหม่ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภค สังเกตจาก 3 โครงการแรกที่เปิดตัวคือ ดิ ออริจิ้น ราม อินเตอร์เชนจ์ 209 และดิ ออริจิ้น รัชดาลาดพร้าว ที่สามารถปิดการขาย (Sold Out) ได้อย่างรวดเร็ว และดิ ออริจิ้น ลาดพร้าว 15 ที่สามารถกวาดยอดขาย First Exclusive ได้ถึงกว่า 80% โครงการแบรนด์บริทาเนีย (Britania) ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อยากมีบ้าน

5.การผนึกกำลังกับพันธมิตรใหม่ บริษัทได้เปิดตัว พันธมิตรใหม่ ได้แก่ บริษัท ดีดับเบิลยูจี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ DWG Thailand ผู้บริหารงานขายอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรชั้นนำจากสิงคโปร์ ให้เป็นตัวแทนขายโครงการคอนโดมิเนียมแบรนด์ต่างๆ ของบริษัทในตลาดต่างประเทศ และบริษัท เอสคอน เจแปน จำกัด บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น เพื่อร่วมทุนกันพัฒนาโครงการ “ไนท์บริดจ์  สุขุมวิท-เทพารักษ์” มูลค่าโครงการรวม 1,300 ล้านบาท การผนึกกำลังดังกล่าวจะช่วยให้การดำเนินงานของบริษัทเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

“จากปัจจัยบวกทั้ง ข้อ และผลการดำเนินงานที่ทำได้ยอดเยี่ยมในช่วงครึ่งปีแรก เรามั่นใจว่าผลการดำเนินงานในปี 2562 จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทั้งยอดขายที่ 28,000 ล้านบาท และรายได้รวมที่ 19,000 ล้านบาท” นายพีระพงศ์ กล่าว

สำหรับบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 58 โครงการ เช่น แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN) ไนท์บริดจ์ (KnightsBridge)นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill)เคนซิงตัน (Kensington) และ บริทาเนีย (Britania) รวมมูลค่าโครงการกว่า 95,000 ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร