ผู้สื่อข่าวมิติหุ้น รายงานว่า บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด ได้ประเมินพื้นฐานหุ้น ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) SCB โดยมีมุมมองต่อกำไรสุทธิปี 2562 ของ SCB ไว้ที่ 4.34 หมื่นล้านบาท เติบโต 8.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ครึ่งปีแรกจะยังหดตัว เนื่องจากสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้นหลังขายไทยพาณิชย์ประกันชีวิต หรือ SCBLIFE สามารถนำไปต่อยอดหาผลตอบแทนอื่น และการเติบโตของสินเชื่อที่ดีต่อเนื่องคาดเติบโต 5.3% ในปีนี้ จากการเพิ่มสินเชื่อไม่มีหลักประกันแต่สร้างผลตอบแทนสูงเข้ามา ส่งผลให้ NIM ปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่องคาดไปแตะถึง 3.3% ในปี 2563
อย่างไรก็ดีด้าน Cost-to-Income จะกลับมาแตะระดับปกติที่ 45% ได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ จากค่าใช้จ่ายงบไอทีที่ผ่านจุดสูงสุดในไตรมาส 1/2562 ไปแล้ว รวมถึงการตั้งสำรองที่มี Credit Cost ต่ำกว่าเป้าหมายเป็นอัพไซด์ต่อประมาณการสะท้อนผ่านคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่ง โดยคาดว่า NPL จะทรงตัวที่ระดับ 2.8%
โดยแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 155 บาท ยกเป็นหุ้นมีการเติบโตโดดเด่นเหนือกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่และเป็นหุ้นเด่นในกลุ่มธนาคาร
เคาะเป้าหมาย160บาท
ด้านบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ ประเมินราคาเหมาะสม SCB ไว้ที่ 160 บาท ยังคงแนะนำ “ซื้อ” โดยประเมินว่า คาดกำไรปี 2562 พุ่งแรงจากกำไรพิเศษหลังหักภาษีจากการขายหุ้น SCB Life ราว 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าธนาคารจะกันเงินส่วนหนึ่งไว้เป็นสำรองพิเศษเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับงบการเงิน และรองรับมาตรฐานบัญชี TFRS 9
อย่างไรก็ตามสำรองพิเศษดังกล่าวอาจไม่ได้มีจำนวนมาก เนื่องจากสัดส่วน NPL Coverage Ratio ของธนาคารปัจจุบันที่สูงกว่า 150% ถือว่าเป็นระดับที่สูงแล้ว ทำให้กำไรส่วนใหญ่จะส่งผลบวกต่อกำไรสุทธิในปี 2562 ที่จากเดิมเราคาดไว้ที่ราว 4.25 หมื่นล้านบาท โดยฝ่ายวิจัยอาจมีการปรับประมาณการกำไรขึ้นอีกราว 70-90% จากประมาณการปัจจุบัน
ทั้งนี้ราคาเป้าหมายเดิมสำหรับปี 2562 ที่ 148 บาท อิง PBV 1.25 เท่า ซึ่งยังไม่ได้รวมประเด็นดังกล่าวเข้ามาในประมาณการ โดยในเบื้องต้นภายหลังการรับรู้กำไรจากการขายหุ้นหลังหักภาษีและสำรองพิเศษ ประเมินว่าจะมีส่วนเพิ่มของ Book Value ของ SCB ราว 9.5 บาท คิดเป็นส่วนเพิ่มต่อราคาเป้าหมายราว 12 บาท ซึ่งจะได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 160 บาท
คาดปันผล6บาท
ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ หากมองข้ามช็อตถึงปี 2563 ประเมินกำไรสุทธิปี 2563 ไว้ที่ 4.8 หมื่นล้านบาท ปรับลดลงจากประมาณการเดิม 1% จากการปรับลดการเติบโตของสินเชื่อเหลือ 6% จากเดิม 7% แต่กำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นเพราะได้รับการชดเชยจากรายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้น จากการเริ่มรับรู้รายได้ค่าคอมมิชชั่นจากการขายประกันให้ FWD คาดจะมีรายได้ Access Fee ใกล้เคียงกับที่ FWD ให้กับ TMB ราว 1.5 พันล้านบาทต่อปี
สำหรับการขาย SCBLIFE คาดกำไรจากการขาย บริษัทจะใช้ในการดำเนินงานปกติ คาดบริษัทจะจ่ายเงินปันผลในระดับที่สูงขึ้นที่ 6 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนที่ 4.2% แนะนำ “ซื้อ” พร้อมปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2563 ที่ 159 บาท อิงค่า P/BV ที่ 1.25 เท่า ในปี 2563
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์แห่งหนึ่ง ประเมินราคาเหมาะสมหุ้น SCB ไว้ที่ระดับ 160 บาท โดยมีอัพไซน์16% ส่วน BBL มีอัพไซน์ 13% ด้าน KBANK มีอัพไซน์ 12% ยังมอง SCB โดดเด่นสุดในกลุ่ม
