ปัจจัยลบยังกดดันตลาด แนะลงทุนเก็งกำไรช่วงสั้น

50

คอลัมน์ KTBST Build  Your Net Worth

ชาตรี  โรจนอาภา รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ 

บล. เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KTBST)

            เริ่มต้นสปดาห์นี้ ด้วยรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของไทยที่ออกมมาต่ำกว่าจากที่คาดการณ์ไว้ คือ จีดีพี ไตรมาส 2 รายงานออกมาอยู่ที่ 2.3% จากที่คาดการณ์ไว้ที่ 2.5% ชะลอตัวจากไตรมาสแรกซึ่งอยู่ที่ 2.8% พร้อมกันนี้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ยังปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ลงมาอยู่ที่ 2.7-3.2% จากเดิม 3.3-3.8%  ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ปรับลด ก็คือการส่งออกที่ปรับตัวลง  -6.1%  โดยเฉพาะการส่งออกอุปกรณ์ประกอบรถยนต์ -3.5%  และชิ้นส่วนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ -12%  เป็นผลมาจากสงครามการค้าที่ทำให้การนำเข้าจากจีนลดลง

ทั้งนี้ จีดีพี ไตรมาส 2 ของไทยที่ออกมาต่ำกว่าสอดคล้องกับผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2 ที่ชะลอตัวลง ที่ ดังนั้นหาก จีดีพี  ปีนี้ถูกปรับลดการเติบโตลง  อาจทำให้ จีดีพี ในปีหน้าถูกปรับลดตามไปด้วย  ตัวแปรสำคัญที่ช่วยหนุนเศรษฐกิจในตอนนี้ คือ มาตรการกระตุ้นของภาครัฐ จำนวน 3 แสนล้านบาท  KTBST คาดว่าอาจช่วยกระตุ้นได้ในระดับหนึ่งแต่ไม่มากนัก เพราะตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักๆ หดตัวลงมาก ไม่ว่าจะเป็นราคาสินค้าเกษตร  การท่องเที่ยวที่ลดลง และการส่งออกที่ติดลบต่อเนื่อง

            เช่นเดียวกับการส่งออกของญี่ปุ่นในเดือนก.ค. ที่รายงานออกมาติดลบ -1.6%  แม้จะติดลบน้อยกว่าที่ตลาดคาดแต่มีประเด็นพิพาทด้านเทคโนโลยีกับเกาหลีใต้ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา รวมถึงการขึ้นภาษีค้าปลีกของญี่ปุ่นในเดือน ต.ค. อาจกดดันการบริโภคและเศรษฐกิจในระยะสั้นได้ 

            ดังนั้นในสัปดาห์นี้ ประเด็นต่างประเทศที่น่าสนใจ คือ รายงานการประชุมของคณะกรรมการนโยบายทางการเงินของสหรัฐฯ (FOMC) ในวันที่ 21 ส.ค. รวมถึงการแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่เมืองแจ็คสันโฮล ในวันที่ 23 ส.ค. แม้ว่าจะไม่มีประเด็นสำคัญอะไร แต่ตลาดจับตาดูว่าหากถ้อยแถลงของ เฟด เริ่มมีการพูดถึงการถดถอยของเศรษฐกิจ อาจส่งผลต่อตลาดอย่างมีนัยสำคัญได้

            สำหรับคำแนะนำการลงทุนในช่วงนี้ แม้ว่าหุ้นไทยเมื่อวันจันทร์ (19 ส.ค.) ดัชนีขยับตัวขึ้นมายืนเหนือ 1,600 จุดได้ แต่ก็ยังมีแรงขายของต่างประเทศต่อเนื่อง  SET Index ปิดที่ระดับ  1,637.26  จุด + 5.86 จุด (+0.36%)  ตลาดเริ่มปรับขึ้นมาได้บ้าง หลังความกังวลเริ่มลดลง แต่ปัจจัยลบยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะเรื่องการเจรจาการค้าของสหรัฐฯ กับจีนในอีก 2 สัปดาห์ ซึ่งต้องจับตาดู 

ดังนั้นการลงทุนในช่วงนี้  KTBST แนะนำให้นักลงทุนปรับพอร์ตลดน้ำหนักในหุ้นไทยลงบ้าง และเน้นลงทุนแบบเก็งกำไรระยะสั้น ในหุ้นที่มีการเติบโตหรือราคาลงมามาก และหุ้นกลุ่มที่เติบโตตามเศรษฐกิจของประเทศ  (Domestic Play ) รวมถึงหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่จ่ายปันผลดี  ขณะที่ตลาดต่างประเทศยังให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นจีนและอินเดีย

ติดตามข่าวสารการลงทุนได้จาก ”มุมความรู้”  https://www.ktbst.co.th/th/knowledge.php