มิติหุ้น – บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL ผู้ให้บริการโครงข่ายใยแก้วนำแสง ให้บริการติดตั้งโครงข่ายและให้บริการพื้นที่ศูนย์สำรองข้อมูลหรือดาต้า เซ็นเตอร์ (Data Center) กางแผนการดำเนินงานครึ่งปีหลัง มั่นใจผลงานดีมากกว่าครึ่งปีแรก ทั้งรายได้และกำไร เตรียมรุกตลาดโทรคมนาคมแบบเข้มข้น ขยายกลุ่มเป้าหมาย การันตีด้วยผลงานไตรมาส 2/2562 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 592 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100 ล้านบาท หรือ 20% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 492 ล้านบาท พร้อมรุกตลาดในทุกมิติ ทั้งขยายและสร้างฐานลูกค้าใหม่ เจาะตลาดลูกค้าภาครัฐและภาคเอกชน โดยแผนการดำเนินงานที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯ จะเร่งขยายโครงข่ายให้ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ ภายใต้กลยุทธ์การให้บริการผ่านโครงข่ายใยแก้วนำแสงทั้งเส้นทาง (End to End Fiber Optic) การให้บริการตามความต้องการของผู้ใช้บริการ (Customization) และ การดูแลหลังการขายโดยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ 100% พร้อมมุ่งสร้างนวัตกรรมในธุรกิจโทรคมนาคม เพื่อพลิกเกมธุรกิจ และเปลี่ยนพฤติกรรมลูกค้าสู่วิถีชีวิตยุคดิจิทัลอย่างยั่งยืน
นายณัฐนัย อนันตรัมพร กรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า ไตรมาส 3-4/2562 นี้ บริษัทฯ เตรียมที่จะเข้าประมูลงานใหญ่ หลายโครงการ รวมมูลค่าไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านบาท และคาดหวังจะได้งานประมาณ 1,400 ล้านบาท เข้ามาเติม Backlog ที่ถูกรับรู้รายได้ไปในช่วงต้นปี ส่งผลให้ปีนี้บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานเติบโตอย่างก้าวกระโดด มั่นใจผลงานครึ่งปีหลังโตกระฉูด หลังตุน Backlog แล้วกว่า 5,312 ล้านบาท หนุนรายได้ทั้งปีเติบโตไม่ต่ำกว่า 40% และในช่วงครึ่งปีหลังภาพรวมอุตสาหกรรมโทรคมนาคมจะมีความคึกคักมากขึ้น เนื่องจากภาครัฐมีความจำเป็นในการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณโครงการลงทุนต่างๆ ซึ่งคาดว่าในช่วงไตรมาส 3/2562 ภาครัฐน่าจะมีความชัดเจนการเปิดประมูลโครงการดังกล่าว และเริ่มก่อสร้างได้ในปีหน้า โดยบริษัทเชื่อว่าจะได้รับส่วนแบ่งงานอย่างแน่นอนและไม่หยุดนิ่งที่จะมองโอกาสเพื่อขยายการเติบโตในรูปแบบอื่นๆ
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/2562 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 592 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% หรือเพิ่มขึ้น 100 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 492 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39%เพิ่ม หรือเพิ่มขึ้น 13 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยการให้บริการโครงข่าย (Data Service) ซึ่งเป็นบริการหลักของบริษัท มีการเติบโตมาจากโครงข่ายที่ครอบคลุมถึง 75 จังหวัดและลูกค้าที่ทยอยเข้ามาใช้บริการอันเนื่องมาจากประสิทธิภาพและเสถียรภาพของโครงข่าย เช่นกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็น บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน)กลุ่มให้บริการเงินกู้ เช่น เงินติดล้อ , ซัมมิท แคปปิตอล กลุ่มการขนส่งทางระบบท่อลำเลียง เช่น บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด และกลุ่มธุรกิจประกัน เช่น บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด โดยคาดการณ์ว่าจะมีแนวโน้มการเติบโตในอนาคตเฉลี่ย 20 % ทุกปี อีกทั้งคาดการณ์ว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นแตะ 40 % ภายใน 2 ปี การให้บริการติดตั้งโครงข่าย (Installation) เช่น กลุ่มภาครัฐ ลูกค้าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) คาดเร็วๆนี้จะมีข่าวดีจ่อเซ็นสัญญากับกรมสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ทหารอากาศปลายเดือนกันยายน เสริมความแข็งแกร่งด้วยธุรกิจ Data Center ซึ่งมีถึง 2 แห่ง โดยในแห่งแรกได้สร้างเสร็จและให้บริการเต็มพื้นที่เรียบร้อยแล้ว คาด Data Center แห่งที่ 2 จะมียอดการเข้าใช้งานที่ 30 % ภายในไตรมาสที่ 3 ปีนี้และหวังจะมีลูกค้าทยอยเข้ามาใช้บริการ 60 % ในสิ้นปี จากการบริหารจัดการที่ดีในการประกอบธุรกิจสนับสนุนให้ผลงานปีนี้มีการเติบโตสูงขึ้นตามแผนงานที่วางไว้ โดยปัจจุบันมีสัญญาในมือ (Backlog) อยู่ที่ 5,312 พันล้านบาท แบ่งเป็นงานการให้บริการโครงข่าย 3,850 ล้านบาท งานให้บริการติดตั้งโครงข่าย 1,369 ล้านบาท และงานให้บริการพื้นที่ดาต้า เซ็นเตอร์ 93 ล้านบาท สนับสนุนเป้าหมายทั้งปี 2562 ที่วางไว้จะมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 40% จากปีก่อน โดยมีรายได้แตะ 2,000 ล้านบาท
สำหรับแผนธุรกิจของบริษัทฯ ในปี 2562 จะให้ความสำคัญและจะขยายไปในธุรกิจหลักๆ 3 ลักษณะงาน คือ 1.การให้บริการโครงข่าย (Data Service) โดยใช้โครงข่าย Interlink Fiber Optic ซึ่งก่อสร้างโดยนำเทคโนโลยี Internet Protocol (IP) ที่ทันสมัยและเป็นพื้นฐานสำหรับการรับ-ส่งข้อมูล โดยอาศัยเทคโนโลยีที่สำคัญ ได้แก่ Dense Wavelength Division Multiplexing (DWDM) และ Multi-Protocol Label Switching (MPLS) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่จะเพิ่มขีดความสามารถของระบบโครงข่ายและสามารถให้บริการรับ-ส่งข้อมูลได้ครบทุกรูปแบบ 2. การให้บริการติดตั้งโครงข่าย (Installation)การให้บริการติดตั้งโครงข่ายโทรคมนาคมแบบครบวงจร ตั้งแต่การให้บริการด้านการให้คำปรึกษา ออกแบบและดำเนินการติดตั้งโครงข่ายที่เกี่ยวข้องกับระบบสื่อสารความเร็วสูง 3.การให้บริการพื้นที่ดาต้า เซ็นเตอร์(Data Center) ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เพื่อให้การรับ-ส่งข้อมูลและทุกการสื่อสารสะดวกรวดเร็วขึ้น ซึ่งงานทั้ง 3 ส่วนบริษัทฯได้ดำเนินการไปแล้ว มั่นใจว่าทั้ง 3 บริการดังกล่าวจะผลักดันให้บริษัทฯมีผลการดำเนินงานในปีนี้เติบโตอย่างก้าวกระโดดต่อเนื่องสอดคล้องกับภาพรวมอุตสาหกรรมโทรคมนาคมในปี 2562 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ เองมีฐานลูกค้าในส่วนของภาคเอกชนประมาณ 85% ที่เหลืออีก 15% เป็นภาครัฐบาล ซึ่งในส่วนภาครัฐก็ให้ความสำคัญกับการเพิ่มงบประมาณด้านโซลูชั่นใหม่ๆเพราะต้องการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ดี ให้มีความมั่นคงปลอดภัยให้กับทุกภาคส่วน
นายณัฐนัย กล่าวอีกว่า “ ITEL เป็นมากกว่าผู้ให้บริการโครงข่าย แต่เรามุ่งสู่การเป็นองค์กรที่มากประสบการณ์และให้ความสำคัญทุกเรื่องโซลูชั่นอย่างครบวงจรตั้งแต่การให้บริการด้านการให้คำปรึกษา ออกแบบและดำเนินการติดตั้งและบริการหลังการขายที่เป็นเลิศ รวมถึงเทรนด์เทคโนโลยี IoT และ Cloud ที่จะทำให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างลูกค้าและโครงข่ายของเรา ITEL ก็เตรียมขยายสู่บริการดังกล่าวในรูปแบบให้คำแนะนำด้านเทคโนโลยีและบริการที่เหมาะสมกับธุรกิจของลูกค้า ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นการเติมเต็มให้ธุรกิจของเรามากขึ้น สิ่งเหล่านี้ช่วยยืนยันถึงความพร้อมของ ITEL ที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพื่อทำให้ธุรกิจได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล”