GBS จัดพอร์ตหุ้น Defensive Stock หนีสงครามการค้าระเบิด

327

มิติหุ้น-บล. โกลเบล็ก มองตลาดหุ้นไทย มีโอกาสผันผวนจากปัจจัยกดดันจากประเด็นสงครามการค้า ที่ทวีความรุนแรง หลังจีน-สหรัฐ เปิดศึกเรียกเก็บภาษีรอบใหม่  ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนี 1,600-1,630  จุด จัดพอร์ตลงทุนหุ้น Defensive Stock  ชู EASTW, TTW BCH, CPALL, BJC ส่วนกลยุทธ์ลงทุนทองมีแนวโน้มปรับตัวได้ต่อ โดยให้กรอบราคาทองคำที่ 1,525-1,560  ดอลลาร์ หรือคิดเป็นราคาทองคำไทยที่ 22,170-22,730 บาท

ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยยังคงผันผวนจากปัจจัยกดดัน จากกรณีประเด็นสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรง หลังจีน     ได้ประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ในเก็บภาษี 2 รอบ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ย. และ 15ธ.ค. โดยทางฝั่งสหรัฐก็ได้ตอบโต้มาตรการดังกล่าวโดยการประกาศปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอีก 5% มูลค่า 5.5 แสนล้านดอลลาร์  คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,600-1,630 จุด

อีกทั้งยังมีปัจจัยกดดันจากการส่งสัญญาณของเฟด นิวยอร์กคาดว่าจะมีการปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 3 หลังยอดขายบ้านใหม่ทรุด และกรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศตอบโต้การที่จีนเรียกเก็บภาษี 25% รถยนต์นำเข้าจากสหรัฐ และ 5% ต่อชิ้นส่วนรถยนต์สหรัฐมีผล 15 ธ.ค. ประกอบกับทาง MSCI ได้มีการปรับลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทย 0.08% มีผล 27 ส.ค.นี้ 

นอกจากนี้ ยังคงต้องจับปัจจัยที่คาดว่ามีผลต่อการลงทุนในตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะข้อมูลความคืบหน้าเกี่ยวกับสงครามการค้าว่าจะทวีความรุนแรงมากขึ้นหรือมีท่าทีผ่อนคลายลง ทั้งนี้ในวันที่  27 ส.ค. จีน จะเปิดเผยกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค. เยอรมนี  เปิดเผย GDP ไตรมาส 2 (ประมาณการครั้งสุดท้าย) สหรัฐ  เปิดเผยราคาบ้านเดือนมิ.ย. ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.  วันที่ 28 ส.ค. จะมีการประชุมวุฒิสภา วันที่  28 –30 ส.ค. มีการจัดงาน Thailand Focus 2019 และวันที่ 30 ส.ค.  ธนาคารแห่งประเทศไทย รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย พร้อมทั้งทาง

นางสาว วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก  กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับปัจจัยบวกใหม่ๆ นั้น ถือว่ายังมีแรงหนุนที่เบามาก เช่น  ทาง “เบเกอร์ ฮิวจ์” เผยแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐลดลง 16 แท่นสู่ระดับ 754 แท่น ต่ำสุดรอบกว่า 1 ปี ช่วยพยุงราคาน้ำมัน และความหวังว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะช่วยพยุงภาวะเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสุดท้าย

ดังนั้นแนะนำแนะนำกลยุทธ์ การลงทุนในหุ้น ที่น่าลงทุน ดังนี้ หุ้น Defensive Stock  EASTW, TTW BCH, CPALL, BJC หุ้น High Dividend SIRI,  QH , TISCO,  KKP,  ANAN หุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ERW,  CENTEL,  AOT , BJC,  CPALL,  TNP หุ้น Domestic Play ADVANC,  AMATA , EKH,  SISB,  HMPRO

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองคำปรับตัวขึ้นในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐมีความรุนแรงมากขึ้น หลังจีนประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐวงเงิน 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อตอบโต้สหรัฐที่ประกาศก่อนหน้านี้ว่า จะเก็บภาษีสินค้าจีนเพิ่มขึ้น ขณะที่”ทรัมป์”สั่งบริษัทสหรัฐถอนตัวจากจีนโดยทันที กลับมาผลิตสินค้าในสหรัฐส่งผลให้มีความตึงเครียดเพิ่มขึ้นระหว่าง 2 ประเทศ

ดังนั้น ต่อประเด็นดังกล่าว มองว่าราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากความกังวลเรื่องสงครามการค้าที่ทำให้ทองคำได้รับความสนใจในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย คาดกรอบราคาทองคำสัปดาห์นี้ที่1,525-1,560      ดอลลาร์ หรือคิดเป็นราคาทองคำไทยที่ 22,170-22,730  บาท