อันดับที่ 1 TSE คาด Q4/62 สรุปดีลซื้อโรงไฟฟ้าโซลาร์เวียดนาม 50-100 MW เผยสนใจประมูลโซลาร์ฟาร์มในมาเลเซีย ร่วมกับพันธมิตรท้องถิ่น
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ไทยโซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ หรือ TSE ประกอบธุรกิจผลิตและจําหน่ายกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวล โดย ดร.แคทลีน มาลีนนท์ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานช่วงครึ่งหลังปี 62 คาดรายได้เติบโตกว่าครึ่งปีแรก ที่มีรายได้รวม 1,026 ล้านบาท ทั้งนี้ เป็นผลจากการรับรู้รายได้เต็มปีของโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลทั้ง 3 แห่ง รวม 22.2 เมกะวัตต์ (MW) รายได้จากโซลาร์ฟาร์ม “Hanamizuki” ในญี่ปุ่น ขนาด 13.5 MW และรายได้จากโซลาร์ฟาร์ม “บางไทร” ขนาด 5 MW รวมถึงการเข้าลงทุนในโซลาร์ฟาร์ม ที่จ.อุดรธานี ขนาด 5 MW ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทมีโรงไฟฟ้า COD แล้ว จำนวน 305.6 MW ซึ่งช่วยหนุนผลประกอบการเติบโตเพิ่มขึ้น
อันดับที่ 2 TCAP ทุ่ม 5,000 ลบ. ซื้อหุ้นคืนและยังมีปันผลพิเศษอีกหุ้นละ 4 บ.
มิติหุ้น-บมจ.ทุนธนชาต (TCAP) โดยนายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เปิดเผยว่า มติคณะกรรมการเรื่องกำหนดแนวทางการบริหารสภาพคล่องส่วนเกินภายหลังปรับโครงสร้างธุรกิจภายในกลุ่ม การขายหุ้นสามัญธนคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ตามที่ TCAP ได้ขายหุ้นสามัญของธนาคารธนชาตที่ถืออยู่ทั้งหมดให้แก่ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) รวมทั้งซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของธนาคารทหารไทย เพื่อทำการรวมกิจการธนาคารธนชาตกับธนาคารทหารไทย ซึ่งคาดว่าจะทำการซื้อขายหุ้นสามัญธนาคารธนชาตและหันสามัญเพิ่มทุนธนาคารทหารไทย ภายในเดือนธันวาคม 2562 บริษัทได้พิจารณาประมาณการสภาพคล่องของบริษัท ซึ่งรวมถึงมูลค่าตอบแทนคงเหลือจากการทำรายการดังกล่าวข้างต้น บริษัทฯจะมีสภาพคล่องเป็นเงินสดคงเหลือหลังจากทำรายการดังกล่าวไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท
อันดับที่ 3 GBS จัดพอร์ตหุ้น Defensive Stock หนีสงครามการค้าระเบิด
มิติหุ้น-บล. โกลเบล็ก มองตลาดหุ้นไทย มีโอกาสผันผวนจากปัจจัยกดดันจากประเด็นสงครามการค้า ที่ทวีความรุนแรง หลังจีน-สหรัฐ เปิดศึกเรียกเก็บภาษีรอบใหม่ ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนี 1,600-1,630 จุด จัดพอร์ตลงทุนหุ้น Defensive Stock ชู EASTW, TTW BCH, CPALL, BJC ส่วนกลยุทธ์ลงทุนทองมีแนวโน้มปรับตัวได้ต่อ โดยให้กรอบราคาทองคำที่ 1,525-1,560 ดอลลาร์ หรือคิดเป็นราคาทองคำไทยที่ 22,170-22,730 บาทฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยยังคงผันผวนจากปัจจัยกดดัน จากกรณีประเด็นสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรง หลังจีน ได้ประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ในเก็บภาษี 2 รอบ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ย. และ 15ธ.ค. โดยทางฝั่งสหรัฐก็ได้ตอบโต้มาตรการดังกล่าวโดยการประกาศปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอีก 5% มูลค่า 5.5 แสนล้านดอลลาร์ คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,600-1,630 จุด
อันดับที่ 4 ESSO คาดปริมาณขายปลีกน้ำมันปีนี้โต 2-3% เตรียมออกน้ำมันสูตรพรีเมี่ยมหนุน ลุยทุ่มงบ 3 พันล.ปรับโฉมปั๊มใหม่ทั่วปท.
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) หรือ ESSO ประกอบกิจการโรงกลั่นปิโตรเลียม และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมครบวงจร รวมถึงผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์และเคมีภัณฑ์อื่นๆ โดยนายมาโนช มั่นจิตจันทรา กรรมการและผู้จัดการฝ่ายการตลาดขายปลีก เปิดเผยว่า บริษัทวางเป้าปริมาณขายปลีกน้ำมันปี 62 เติบโตราว 2-3% เป็นผลจากการธุรกิจค้าปลีกน้ำมันที่ยังเติบโตและมีมาร์จิ้นอยู่ในระดับดี รวมถึงการปรับปรุงและขยายสถานีบริการน้ำมัน และการเปิดตัวน้ำมันใหม่เทคโนโลยี ‘ซีเนอร์จี้’ ที่พัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล โดยชูจุดเด่นทำให้เครื่องยนต์สะอาดมากขึ้น 30% รวมถึงการขยายฐานสมาชิกบัตรสะสมคะแนนเพิ่ม
อันดับที่ 5 PTG เร่งเครื่องโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์ หวังปั๊มกำไรเข้าพอร์ต 500-600 ล้านบาท พร้อมกางแผนดันบริษัทลูกเข้าตลาดหุ้นปี 64-65 เพิ่มช่องทางระดมทุน
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี หรือ PTG เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเดินหน้าแผนที่จะนำธุรกิจปาล์มคอมเพล็กซ์ และธุรกิจสถานีให้บริการก๊าซ LPG เข้าตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 2564 รวมถึงจะนำธุรกิจอาหารและกาแฟเข้าตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 2565 ซึ่งถือเป็นช่องทางในการระดมทุนของแต่ละกลุ่มธุรกิจด้วยตัวเอง ทั้งนี้คาดว่าโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์ จะเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิต 100% ได้ภายในสิ้นปี 2562 นี้ ซึ่งโรงงานดังกล่าวมีกำลังการผลิตไบโอดีเซล จำนวน 500,000 ลิตรต่อวัน และน้ำมันปาล์มเพื่อบริโภค (โอเลอีน) จำนวน 200,000 ลิตรต่อวัน อย่างไรก็ดีหากโครงการนี้สามารถเดินเครื่องได้เต็มกำลัง 100% จะสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานของบริษัทปรับตัวดีขึ้น โดยคาดหมายจะสร้างกำไรได้ราว 500-600 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะรับรู้ผลประโยชน์ตามสัดส่วนการถือหุ้นที่ระดับ 40%