ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า จากกรณีที่องค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) จะออกมาตรการกำหนดให้กองเรือลดการใช้น้ำมันเตา ซึ่งมีซัลเฟอร์(กำมะถัน)สูง โดยมีเป้าหมายเพื่อลดมลพิษทางอากาศ ซึ่งจะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค.63 นี้ ด้าน “นักวิเคราะห์หลักทรัพย์แห่งหนึ่ง” เผยว่า มาตราการ IMO 2020 “กลุ่มเรือ” ต้องปรับประเภทเชื้อเพลิง จากน้ำมันเตาที่มีซัลเฟอร์เกิน 3.5% มาเป็น Diesel, LNG หรืออื่นๆ
SPRC เด้งรับ IMO 2020
โดยประเด็นนี้ทำให้ราคา “หุ้นกลุ่มโรงกลั่น” ปรับตัวเพิ่มขึ้นทันที เพราะถูกคาดว่า “ค่าการกลั่น” จะดีขึ้นทำให้โรงกลั่นที่มีดีเซลมากจะน่าสนใจสุด เช่น TOP, SPRC, ESSO, BCP อย่างไรก็ดีคาดว่า ESSO และ SPRC จะได้อานิสงส์มากสุด เพราะมีผลิตภัณฑ์ซัลเฟอร์ต่ำ ดังนั้นแนะนำ “ซื้อ” ESSO มองแนวต้าน 8.80 บาท และ SPRC มองแนวต้าน 9 บาท
ล่าสุดแนะนำ “ซื้อ” TOP เป้าหมาย 75 บาท อัพไซด์ 12% , ESSO เป้าหมาย 10 บาท อัพไซด์ 17% , SPRC เป้าหมาย 11 บาท อัพไซด์ 29% และ BCP เป้าหมาย 33 บาท อัพไซด์ 26%
ด้าน “นายวิชัย ชุณหสมบูรณ์” ผู้จัดการฝ่ายการเงินและการคลัง SPRC ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมชั้นนำของประเทศไทย และเป็นหนึ่งในโรงกลั่นที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค เผยว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/62 จะเติบโตต่อเนื่อง คาดค่าการกลั่นมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะที่ระดับ 5-7 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากไตรมาสก่อนที่ 2.50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพราะความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น และยังได้รับผลดีจากมาตรการ IMO
ส่วนกลยุทธ์ช่วงที่เหลือของปี บริษัทจะใช้งบลงทุน 256 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตใน “โครงการหน่วยกลั่นน้ำมันดิบและหน่วยผลิตปลายน้ำอื่นๆ” เป็น 175,000บาร์เรล/วัน จากเดิม 165,000บาร์เรล/วัน ซึ่งโครงการนี้จะทำภาพธุรกิจในปี 63 เติบโตโดดเด่น เนื่องจากมีกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น
พร้อมกันนี้ บริษัทยังศึกษาการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวเนื่องจากโรงกลั่นด้วย ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจปิโตรเคมี และธุรกิจค้าปลีก คาดจะเห็นความชัดเจนในปี 63
ค่าการกลั่นพุ่ง5.89เหรียญ
“บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี” เผยว่า ฝ่ายวิจัยแนะนำ “เพิ่มน้ำหนัก” เข้าลงทุนในหุ้น “กลุ่มโรงกลั่น” เนื่องจากค่าการกลั่นเริ่มฟื้นตัวจากระดับ 4 เหรียญ/บาร์เรล สัปดาห์ก่อนมาที่ 5.89 เหรียญ/บาร์เรล นอกจากนั้นโรงกลั่นจะเป็นผู้ได้ประโยชน์สูงสุดจากมาตรฐาน IMO 2020 ที่จะเริ่มใช้ในต้นปีหน้าอีกด้วย ดังนั้นแนะนำ “ซื้อ” TOP เป้าหมาย 77 บาท, SPRC ราคาเป้าหมาย 11 บาท และ IRPC ราคาเป้าหมาย 4.70 บาท
นักวิเคราะห์ บล.เอเชีย เวลท์ เผยว่า ตลอดช่วงครึ่งปีหลัง “ค่าการกลั่น” จะปรับตัวดีขึ้น เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากมาตรการ IMO, การส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปจากจีนที่คาดว่าจะเริ่มลดลง รวมไปถึงความต้องการใช้น้ำมันในกลุ่ม Middle Distillate ในช่วงปลายปี แต่กำลังกลั่นใหม่ในภูมิภาคที่คาดว่าจะเริ่มทยอยเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปลายปี62-63 จะกลับมาเป็นปัจจัยกดดันค่าการกลั่นอีกครั้ง
แนะนำ “ซื้อ” TOP
ด้าน “บล.กรุงศรี” เผยว่า ฝ่ายวิจัย แนะนำ “ซื้อ” TOP ราคาเป้าหมาย 80 บาท เนื่องจากได้ Sentiment บวกจากค่าการกลั่นที่เริ่มฟื้นตัว ล่าสุดปรับขึ้นสู่ระดับ 5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากช่วง 1 เดือนที่ผ่านที่ผ่านมาลดลงไปที่ระดับ 3-4 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล นอกจากนี้ในช่วงปีหน้าจะได้ประโยชน์จากมาตรการ IMO ซึ่งกำหนดให้กองเรือลดการใช้น้ำมันเตาซึ่งมีกำมะถันสูง คาดว่าจะหนุนให้กองเรือหันมาใช้น้ำมันดีเซลที่มีกำมะถันต่ำแทนน้ำมันเตาเพิ่มมากขึ้นเป็นบวกต่อ TOP ล่าสุด ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมสำเร็จรูปหลักที่ได้จากโรงกลั่นน้ำมัน ของ TOP คือ ก๊าซปิโตรเลียมเหลว , น้ำมันเบนซิน,สารทำละลายโซลเว้นท์,ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี,น้ำมันอากาศยาน/น้ำมันก๊าด, น้ำมันดีเซล และ น้ำมันเตา
www.mitihoon.com
