รู้ทันการลงทุน กับ KGI (สุโชติ ถิรวรรณรัตน์)
ดัชนี SET index ฟื้นตัวขึ้นมาต่อเนื่องตามที่คาด จากเหตุผลเรื่อง Valuation ที่ไม่แพง เนื่องจากดอกเบี้ยที่ลดลงทั่วโลก และที่สำคัญคืออัตราผลตอบลแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยระยะยาว 5 – 10 ปี ทำจุดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ทำให้ Earnings yield gap สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต แม้ว่า EPS ของ SET index ยังถูกปรับลดลงก็ตาม แต่หลังจากที่ SET index ปรับตัวขึ้นมาใกล้บริเวณ 1700 จุด ทำให้ Earnings yield gap เริ่มกลับสู่ค่าเฉลี่ยในอดีตที่ราว 4.5% (สมมติฐาน EPS ปีนี้ 100 บาท/หุ้น, Bond yield อายุ 5 ปี 1.4%) แสดงว่าหุ้นไทยตอนนี้ ไม่ถูก – ไม่แพง กลับสู่ Fair value
ดังนั้นการที่จะทำให้ SET index ปรับขึ้นต่อทะลุ 1700 จุดได้นั้น ต้องการปัจจัยบวกเพิ่มเติม อาทิ การลดดอกเบี้ยและนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางประเทศหลักๆเพิ่มเติม (คาดในเดือน ก.ย.นี้ น่าจะลดดอกเบี้ยอีก) รวมทั้งการปลดล๊อกสงครามการค้า (คาดว่าการเจรจาในเดือน ต.ค. น่าจะยังไม่ได้ข้อสรุป) ประเมินแนวรับ – แนวต้านของ SET index สัปดาห์นี้ แนวรับ 1665 จุด และ 1645 จุด / แนวต้าน 1680 จุด และ 1700 จุด
เดือน ก.ย.นี้เราคาดว่า ธนาคารกลางประเทศหลักๆ อย่าง ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) น่าจะตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรืออาจมีมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและลดโอกาสการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในอนาคตอันใกล้ ขณะที่เราคาดธนาคารแห่งประเทศไทยเอง ก็น่าจะมีการตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในที่ประชุมช่วงปลายเดือน ก.ย.นี้เช่นกัน อย่างไรก็ดีในกรณีเลวร้ายที่ อีซีบี และ เฟด ไม่ทำการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามที่คาด อาจทำให้เกิดแรงขายที่บริเวณแนวต้าน 1680 – 1700 จุด ได้เช่นกัน
หาก อีซีบี, เฟด, ธนาคารแห่งประเทศไทย ลดดอกเบี้ยนโยบายตามคาด จะปลดล๊อกหุ้นเชื่องโยงเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทย อย่างหุ้นกลุ่มพลังงาน (TOP, IRPC), หุ้นส่งออก (KCE, EPG, TFG, GFPT), หุ้นการบริโภคในประเทศ (CPN, MBK) และรวมถึงหุ้นที่จะได้อานิสงส์จากดอกเบี้ยต่ำเช่น กลุ่มสินเชื่อ (MTC, SAWAD, TCAP) กลุ่มโรงไฟฟ้า (BCPG, WHAUP) เป็นต้น